คาร์กิลล์ ผนึกพันธมิตร ลดขยะชุมชน สร้างสถานี SDGs ราชภัฎฯ สุราษฎร์

27 ธ.ค. 2564 | 09:31 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ธ.ค. 2564 | 16:46 น.

คาร์กิลล์ ร่วมกับ UNDP และราชภัฎฯ สุราษฎร์ จัดทำโครงการ SeaShine ชวนชุมชนร่วมจัดการขยะจากต้นทาง ลดปัญหาและผลกระทบสิ่งแวดล้อม พร้อมสร้างเสริมรายได้ชุมชนแข็งแกร่ง

โครงการ “SeaShine” ชวนชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการขยะที่ต้นทาง เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมสร้างรายได้เสริมความแข็งแกร่งให้ชุมชน คาร์กิลล์ ผู้นำธุรกิจนวัตกรรมอาหารและเกษตรกรรมของโลก ประกาศเปิดตัวโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อม “SeaShine”

 

โดยร่วมมือกับสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Program หรือ UNDP) และมหาวิทยาลัยราชภัฎสุราษฎร์ธานี จัดโครงการลดปริมาณขยะเปียกและขยะพลาสติกที่ถูกทิ้งลงทะเล พร้อมทั้งสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้ให้ชุมชนชายฝั่งทะเลภาคใต้ของไทย

 

โครงการดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการในเดือนมกราคม 2565 โดยคาร์กิลล์ UNDP และ มรภ.สุราษฎร์ธานี จะร่วมกันสร้างระบบนิเวศเพื่อการบริหารจัดการขยะอย่างยั่งยืน โครงการดังกล่าวเป็นการส่งเสริมให้ชุมชนจัดเก็บและคัดแยกขยะ รวมถึงถุงอาหารสัตว์เพื่อนำมาแลกประโยชน์ที่ส่งเสริมความยั่งยืนต่อไป

 

ความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยลดปัญหาขยะในพื้นที่ชุมชนรอบๆ มรภ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งมีปริมาณมากถึง 63 ตันต่อเดือน และเป็นปัญหาใหญ่ที่มหาวิทยาลัยและชุมชนประสบมานาน  โครงการนี้จะจัดสร้างสถานีการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goal Station) หรือสถานี SDGs บนพื้นที่ 3 ไร่ภายในมหาวิทยาลัย  

พร้อมกันนั้น จะมีการสอนให้ประชาชนในชุมชนรอบๆ ได้รู้จักคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี และนำมาขายให้แก่สถานี SDGs เพื่อนำไปรีไซเคิลต่อไปโครงการดังกล่าวจะช่วยสร้างความมั่นใจว่าจะมีการจัดการขยะอย่างเหมาะสม รวมทั้งสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่จากการขายขยะ ตลอดจนลดปริมาณขยะที่อาจถูกทิ้งลงไปในทะเล  ขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยและนักศึกษาจะสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการขยะจากประสบการณ์จริงได้อีกด้วย

 

นางสาวมาร์โก เดอ นาราย กรรมการผู้จัดการ คาร์กิลล์ โภชนาการอาหารสัตว์น้ำ ประเทศไทยและเวียดนาม กล่าวว่า คาร์กิลล์มีส่วนร่วมในการสร้างความแข็งแกร่งและพัฒนาชุมชนในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลานาน ความร่วมมือครั้งนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ของคาร์กิลล์และประเทศไทยมีความแน่นแฟ้นมากขึ้น ทั้งในเชิงกว้างและเชิงลึก โดยเฉพาะความร่วมมือในการจัดการความท้าทายยิ่งใหญ่ที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของคาร์กิลล์ที่จะสร้างพันธมิตรและร่วมมือในการกระตุ้นให้เกิดการอนุรักษ์ทะเล และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของบริษัทฯ ที่จะส่งเสริมความสมบูรณ์ของโลกอย่างปลอดภัย ด้วยความรับผิดชอบ และด้วยแนวทางที่นำไปสู่ความยั่งยืน

 

ในช่วงที่เกิดการระบาดของเชื้อโควิด-19  ปริมาณขยะพลาสติกเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะจากมาตรการล็อคดาวน์ทั่วประเทศ และการทำงานที่บ้าน สำหรับในจังหวัดสุราษฎร์ธานีซึ่งเป็นที่ตั้งของ มรภ.สุราษฎร์ธานีเอง คาดว่าปริมาณขยะที่จะต้องถูกฝังกลบในพื้นที่ใกล้เคียงจะมีมากถึง 426 ตันในปี 2564 นี้

 

นายเรอโนด์ เมแยร์ ผู้แทนยูเอ็นดีพีประจำประเทศไทย กล่าวว่า ยูเอ็นดีพียินดีที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับคาร์กิลล์ในการดำเนินโครงการสำคัญซึ่งเป็นนวัตกรรมในการกำจัดขยะเช่นนี้ การลดปริมาณขยะพลาสติกและขยะเปียกจะช่วยให้ชุมชนชายฝั่งทะเลมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และช่วยให้เกิดสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนในระยะยาว โครงการนี้แสดงให้เห็นว่าเราสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีในการดำเนินการตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนหรือ SDGs ภายในท้องถิ่นได้ด้วยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน

 

ในการดำเนินโครงการดังกล่าว หน่วยงานด้าน SDGs และนักศึกษาอาสาสมัครจะทำงานร่วมกันในการพัฒนาระบบไอทีเพื่อบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับขยะของคนในชุมชนเป็นรายคน ก่อนจะนำข้อมูลนั้นมาแปลงเป็นประโยชน์ที่เห็นเป็นรูปธรรม เช่น ปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจก และปริมาณขยะที่นำมารีไซเคิล เป็นต้น  และแสดงผลข้อมูลบนแดชบอร์ดที่เปิดให้ทุกคนได้เห็น และติดตามความคืบหน้าของโครงการได้สะดวก