พร้อมเมนูสุดแซ่บ ชมความสวยงามของสองริมฝั่งยามค่ำคืน อย่าง วัดอรุณราชวราราม พระบรมมหาราชวัง (วัดพระแก้ว) สะพานพระปิ่นเกล้า สะพานพระรามแปด เพิ่มความโรแมนติก ให้ปังกว่าเดิม
เริ่มกันที่ Viva Alangka Cruise เรือสำราญสุดอลังการด้วยความยิ่งใหญ่จุดผู้โดยสารได้สูงสุดกว่า 800 ท่าน มีพื้นที่ให้บริการทั้งหมด 3 ชั้น แบ่งออกเป็น 2 ชั้นล่างแบบอินดอร์ห้องแอร์ และชั้น 3 เป็นดาดฟ้าเปิดโล่งชมวิวได้แบบพาโนราม่า ซึ่งถือเป็นพื้นที่ไฮไลท์ที่หลายคนชื่นชอบ สำหรับนั่งรับประทานอาหาร รับลมพร้อมชมวิว โดยอาหารบนเรือแห่งเสิร์ฟเป็นบุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดและอาหารนานาชาติ ไฮไลท์เด็ดอยู่ที่ ผัดฉ่าหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ เน้นความใหญ่ของหอยแมลงภู่ และความเผ็ดร้อนจากเครื่องเทศทั้ง พริกขี้หนูสวย พริกชี้ฟ้า ฝักพริกไทย รับรองแค่ได้กลิ่นก็ซี๊ดแล้ว
ต่อมาคือ Royal Princess Cruise ความพิเศษและความหรูหราใหญ่โตของเรือ รอยัล ปริ้นเซส ลำนี้ไม่แพ้กับเรือสำราญลำอื่นๆ อย่างแน่นอน แต่ทีเด็ดที่แตกต่าง คือ รับดอกกุหลาบบอกรักพร้อมสปาร์คกลิ้งไวน์รสเลิศฟรี สิทธิพิเศษที่จะมอบให้คู่รักที่มาดินเนอร์ในค่ำคืนวันวาเลนไทน์ เพื่อเพิ่มความหวานให้หวานยิ่งขึ้น
ส่วนเรื่องเมนูของที่นี่เสิร์ฟเป็นบุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดและอาหารนานาชาติด้วยเช่นกัน แต่เมนูพิเศษถูกรังสรรค์โดยเชฟดังระดับโรงแรม 5 ดาว ที่พลาดไม่ได้ คือ น้ำพริกอ่องไก่สับ เสิร์ฟมาพร้อมผักสดนานาชนิด และส่วนอีกหนึ่งเมนูที่ถือว่าเด็ด คือ ซาซิมิแซลมอน ที่สั่งตรงมาจากนอร์เวย์รับประกันความสด
ปิดท้ายด้วย The Grand Chaophraya Cruise เรือสำราญสุดหรูระดับตำนาน บนสายน้ำเจ้าพระยา ที่ปรับโฉมเมนูใหม่เอาใจคนไทยเพิ่มมากขึ้น ด้วยรสชาติและความหลากหลาย โดยเชฟมืออันดับต้นๆ ของเมืองไทยที่มารังสรรค์เมนูเด็ดพร้อมเสิร์ฟแบบบุฟเฟ่ต์นานาชาติให้อิ่มจุกๆ ตลอดการล่องเรือกว่า 2 ชั่วโมงเต็ม
เมนูเด็ดของเรือลำนี้อยู่ที่ กุ้งแม่น้ำเผา โดยเชฟจะมายืนเผากันแบบเรียลไทม์ ให้กลิ่นหอมจากการเผาไปกระตุ้นต่อมน้ำลายกันเลยทีเดียว ที่สำคัญคือเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรเฉพาะ ให้รสชาติแซ่บแบบไทยแท้ด้วยพริกขี้หนูสวน และอีกเมนูที่ต้องลองคือ ผัดไทยกุ้งแม่น้ำ ความเด็ดอยู่ที่ความเหนียวนุ่มของเส้นและซอสปรุงรสที่เข้ากันจะไม่สามารถวางช้อนลงได้จริงๆ