งานเข้า! บูสเตอร์วัคซีนโควิดเข็ม 4-5 เสี่ยงร่างกายไม่รับวัคซีนตัวใหม่

02 ก.ค. 2565 | 11:33 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ก.ค. 2565 | 19:24 น.

ผู้เชี่ยวชาญไวรัสวิทยา เตือนฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 4-5 อาจมีผลกระทบกับการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ที่ยังจดจำวัคซีนตัวเก่าและไม่ตอบสนองกับวัคซีนใหม่ที่กำลังจะเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลัง

ผู้เชี่ยวชาญไวรัสวิทยา ไบโอเทค สวทช. เตือนประชาชนคิดให้หนักก่อนฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 4-5  เพราะหากมีวัคซีนใหม่เข้าในช่วงครึ่งปีหลัง จะมีผลกระทบกับการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ที่ยังจดจำวัคซีนตัวเก่าและไม่ตอบสนองกับวัคซีนใหม่

 

ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้เชี่ยวชาญไวรัสวิทยา ไบโอเทค สวทช. กล่าวว่า ขณะนี้ไวรัสที่อยู่ในประเทศไทยแพร่กระจายไวกว่าช่วงต้นปีที่ผ่านมา ขณะที่โควิดสายพันธุ์โอมิครอน BA.4 และ BA.5 คาดว่าคนไทยจะติดเชื้อมากขึ้น เพราะมีความสามารถในการแพร่กระจายเชื้อด้วยตัวเองดีขึ้น รวมทั้งสามารถหนี้ภูมิคุ้มกันในร่างกายได้ดีกว่าเดิม ทั้งนี้ พบว่าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น 3-4 มีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายกว่าเมื่อก่อน

"การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นที่ 4-5 ว่า ควรดูที่ความเสี่ยงของแต่ละคน ถ้าเป็นกลุ่มเสี่ยง 608 ก็จำเป็น แต่สำหรับคนปกติที่ไม่มีความเสี่ยง ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องฉีดกระตุ้น  ฉีดกระตุ้นวันนี้ อีก 2 เดือนผ่านไป ภูมิคุ้มกันก็เท่ากับวันนี้ ภูมิตกค่อนข้างไว

 

การฉีดวัคซีนที่เกินความจำเป็น จะทำให้ร่างกายจดจำวัคซีนตัวเก่า เมื่อฉีดวัคซีนตัวใหม่ ร่างกายเราต้องใช้เวลานานมากที่จะสร้างภูมิคุ้มกัน บางคนอาจไม่มีภูมิคุ้มกันขึ้นเลย เพราะร่างกายไม่ตอบสนอง และนี่อาจจะเป็นปัญหาระยะยาวของการใช้วัคซีนสูตรใหม่ในอนาคต

อย่างไรก็ตาม คาดว่าภายใน 1-2 เดือนนี้ หากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา อนุมัติวัคซีนตัวใหม่ของไฟเซอร์และโมเดอร์นา ก็อาจจะอนุญาตให้มีการขาย ซึ่งถ้าประเทศไทยปรับตัวไวกว่าในอดีต ก็จะสามารถจองวัคซีนตัวใหม่ได้เร็วขึ้นถ้าไทยจองวัคซีนได้ไว โอกาสได้วัคซีนสูตรใหม่ อาจจะเป็นปลายปีนี้หรือไม่ก็ต้นปีหน้า

 

นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญไวรัสวิทยา ระบุว่ายาฉีด Evusheld ที่ อย.อนุมัติขึ้นทะเบียนเพื่อป้องกันโควิด19 เป็นยาที่เหมาะกับคนที่ไม่สามารถสร้างแอนติบอดี้ให้ตัวเองได้และเป็นคนที่มีความเสี่ยงสูง เช่น คนที่มีประวัติการแพ้ยา คนที่กินยากดภูมิ ผู้ป่วยที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ่งคนปกติไม่จำเป็นต้องใช้