“สันติบุรี เกาะสมุย” โรงแรมหรูหนึ่งในแฟล็กชิพ ของ “สิงห์เอสเตท” ที่อยู่คู่สมุยมานาน หลายคนคงนึกถึงรีสอร์ต สไตล์ Thai Traditional ท่ามกลางบรรยากาศแบบทรอปิคอล
แต่ผิดคาดไปมาก เมื่อได้มาพักโซนใหม่ “Grand Reserve Pool Villas” วิงส์ใหม่ที่มาในลุคโมเดิร์น ดีไซน์เรียบหรู อีกหนึ่งฟิลลิ่งภายในอาณาจักร 58 ไร่
จากสนามบินนานาชาติสมุย ใช้เวลาราว 20 นาที ก็เดินทางถึง “สันติบุรี เกาะสมุย” (SANTIBURI SAMUI) โลเคชั่นริมหาดแม่น้ำ รีสอร์ตที่พรั่งพร้อมไปด้วยธรรมชาติความเขียวขจีของต้นไม้ใหญ่ ฟ้าใส ทะเลสวย และแม่น้ำธรรมชาติไหลผ่าน
เสน่ห์ต้อนรับแบบวิถีไทยอันแสนอบอุ่น เป็นสิ่งแรกที่เราสัมผัสเมื่อมาถึง เวลคัมดริงค์น้ำกระเจี๊ยบเย็นๆใส่ขันมาเสิร์ฟ ชื่นใจน่าดู
เช็คอินก็ง่ายมาก ไม่ต้องอธิบายไรเยอะ เพียงโหลดแอปพลิเคชั่น Santiburi Koh Samui ข้อมูลทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น กิน ดื่ม เที่ยว ไปจนถึงติดต่อกับพนักงาน สื่อสารได้ตลอดเวลาที่พักอยู่ในรีสอร์ตแค่ปลายนิ้ว
โซนเช็คอินห้องพักของเราวันนี้ สุดเอ็กซ์คลูซีฟ กับ “Grand Reserve Pool Villas” ลักชัวรีสุดๆ เพราะมีพลูวิลล่าในวิงส์นี้มีเพียง 19 หลังเท่านั้น แยกออกมาตั้งอยู่ในพื้นที่ส่วนตัว รายล้อมด้วยสวนสไตล์ทรอปิคอล ภายในสระว่ายน้ำส่วนตัว
พูลวิลล่าทุกหลังมีขนาด 250 ตารางเมตร ตกแต่งแบบร่วมสมัย ด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์น ฉีกออกไปจากโซนเดิมของโรงแรมที่เน้นตกแต่งสไตล์ไทยคลาสสิคแนวร่วมสมัย ห้อง Grand Reserve Pool Villa ที่เรายึดครองคืนนี้ เป็นพูลวิลล่า 1 ห้องนอน เก๋มากตรงที่เราสามารถควบคุมแสงไฟเองได้ ตามฟีล ตามอารมณ์มู้ธแอนด์โทนที่ต้องการ
ส่วนห้องนั่งเล่น โซฟาใหญ่มากนอนกลิ้งได้เต็มที่ ระบบเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ทุกอย่าง เชื่อมต่อได้ด้วย Bluetooth
ขณะที่ห้องน้ำกว้างขวาง แยกโซนอ่างอาบน้ำ ให้ได้นอนแช่อ่าง ตีฟองเบาๆ อีกฝั่งเป็นมุมฝักบัวแบบเรนชาวเวอร์ จัดเต็ม Amenities ผลิตภัณฑ์ของ Panpuri ซึ่งรังสรรค์ กลิ่น Lemongrass & Mandarin เป็นกลิ่นซิกเนเจอร์เฉพาะสันติบุรี
ชอบสุดๆตรงที่สระว่ายน้ำส่วนตัว กินพื้นที่ 40 ตารางเมตร ว่ายน้ำไปกลับได้สบายๆ จากห้องนอนเปิดประตูบานเลื่อนก็โดดลงสระได้เลย จะว่ายน้ำหรือนอนเล่นบน bean bags ขนาดใหญ่ลอยอยู่ในพูล ก็ชิลล์สุดๆ
พักหรูอยู่สบายจนแทบจะอยู่ในพูลวิลล่าได้ทั้งวันไม่เบื่อเลย จะใช้บริการไดนิ่ง อิน รูม นั่งทานอาหารในบ้าน หรือริมสระน้ำ คือดีย์เลย หรือลองเปลี่ยนประสบการณ์ใหม่กับ Floating breakfast เสิร์ฟตรงถึงวิลล่า ให้ทานกับระหว่างเล่นน้ำยามเช้า
หรือเปิดพูล ปาร์ตี้ในแบบส่วนตัว จิบไวน์ หรือ แชมเปญ กับคนรู้ใจ ก็ใช่เลย ใครชอบความเงียบสงบและส่วนตัว หลีกหนีความวุ่นวาย โซนนี้คือตอบโจทย์
แต่สำหรับเราชอบที่จะนอนชิลล์ริมหาดด้วย ซึ่งรีสอร์ตนี้ขึ้นชื่อมากกับชายหาดส่วนตัว ทอดยาวกว่า 300 เมตร ไม่พลาดแน่ๆ ยิ่งมองเห็นวิวของเกาะพะงันเบื้องหน้า สวยบาดใจเลย
นอนรับลมทะเล เล่นน้ำทะเล ก็ลงทะเลได้แบบสบายเท้า ทรายนุ่มเท้าไม่มีหินตำเท้า แถมน้ำทะเลใสวิ้ง ช่วยฟื้นพลังชีวิตให้เราได้มากเลย
ทั้งสีสันริมหาดยังจัดเต็มกิจกรรมมากมาย มีทั้งแบบเสียเงินและฟรีไว้บริการ ไม่ว่าจะเป็นล่องเรือใบ วินด์เซิร์ฟ
หากมีเด็กน้อยมาด้วยถ้ามาเล่นทะเลช่วงบ่ายมีกรี้ด เพราะโรงแรมจะเข็นรถแจกไอศกรีม ตั้งแต่สระว่ายน้ำหลัก ไปจนถึงหน้าหาดของโรงแรม
ทั้งช่วงบ่ายแก่ๆ ยังมีบริการเสิร์ฟ Afternoon Tea ฟรี บริเวณห้องอาหาร “The Beach House” ริมทะเล ซึ่งจะเป็นเซ็ตเล็กๆเปลี่ยนเมนูไปเรื่อยๆในแต่ละวัน
ไม่เพียงกิจกรรมริมทะเลเท่านั้น “Sport Campus” ภายในโรงแรม ที่มีเซอร์วิสหลากหลายโดยใจคนชอบออกกำลังกาย
ไม่ว่าจะเป็น เครื่องเล่นต่างๆ ในฟิตเนส เซ็นเตอร์, สนุกเกอร์, เทนนิส, ปั่นจักรยานภูเขา, แบดมินตัน, มวยไทย
ในแต่ละวันยังมีคอร์สสอนกิจกรรมกีฬาต่างๆ ให้เด็กและผู้ใหญ่ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ยกเว้นหากคุณอยากเล่นกอล์ฟแบบเป็นเรื่องเป็นราว ลูกค้าที่มาพักที่นี่ จะได้ส่วนลดพิเศษในการไปใช้บริการสนามกอล์ฟสันติบุรี สมุย
หรือจะผ่อนคลายกับสปาทรีตเม้นท์ ณ “Len Spa” (เล่น สปา) มีทั้งนวดไทยและนวดน้ำมัน ซึ่งซิกเนอร์ ที่พลาดไม่ได้ คือ มะลิ อโรมา ไทย ซิลค์
ขณะที่ “คิดคลับส์” ของที่นี่ ใช้ชื่อว่า “ค่ายปัญญาและยิ้ม” (Panya & Yim’s Junior Camp) ที่ไม่เพียงมีพื้นที่สนามเด็กเล่นอินดอร์และเอ้าท์ดอร์ แต่ที่นี่ในแต่ละวันก็จะมีโปรแกรมให้เด็กๆ ได้ทำกิจกรรมหลากหลาย
อาทิเพนต์เล็บ, เพนต์ผ้าบาติก, จังเกิล วอล์ก, ไดรฟ์กอล์ฟ และกิจกรรมอีกเพียบ ให้เลือกเล่นกันได้ฟรี
กิจกรรมต่างๆที่เราสัมผัสได้สมกับคอนเซปต์ “Len Be Well” (เล่น บีเวล) อันเป็นเอกลักษณ์ของ สันติบุรี เกาะสมุย ครบเครื่องทั้งการผจญภัย (Adventure) การพักผ่อน (Relax) ความโรแมนติก (Romance) วัฒนธรรม (Culture) และครอบครัว (Family) เติมเต็มวันหยุดพักผ่อนได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ปักหมุดแหล่งไดนิ่ง“สันติบุรี เกาะสมุย”
ประสบการณ์ในวันพักผ่อนที่“สันติบุรี เกาะสมุย”ไม่ใช่แค่ที่พักหรู อาหารต้องอร่อยด้วย เริ่มจากอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหาร“วิมานเมฆ” ให้บริการอาหารเช้าสไตล์อินเตอร์คอนติเนนตัล บุฟเฟ่ต์ อาหารหลากหลาย คุณภาพวัตถุดิบเข้าขั้นดีมาก
ไม่ว่าจะเป็นโซน bakery, cold cut, สลัด,เมนูสารพัดไข่ อาหารไทย ก็ถือว่ามีครบตามที่ควรจะมี เช่น ข้าวผัด, ก๋วยเตี๋ยวน้ำ, ข้าวมันไก่, ขนมจีบซาลาเปา แล้วก็มีน้ำผลไม้แยกกาก ทำสดๆ ยืนต่อคิวแล้วสั่งพนักงานได้เลย และที่สำคัญไลน์ผลไม้ของที่นี่ เสิร์ฟมะม่วงสุก เก๋มาก
ส่วนมื้อกลางวันและดินเนอร์ เราฝากท้องไว้ที่ “เดอะบีชเฮ้าส์” ห้องอาหารริมทะเล เราเลือกสั่งทานอาหารไทยรสชาติเข้มข้น
สำหรับมื้อกลางวัน ทั้งแกงส้มใต้รสชาติกลมกล่อมกำลัง หมูผัดสะตอรสชาติเข้มข้น ตัดรสชาติกับกุ้งกระเทียม ทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ ทานไปชิมวิวทะเล ฟินมาก
ปิดท้ายดินเนอร์บรรยากาศของเดอะบีชเฮ้าส์ ก็จะได้อีกฟีล ทานอาหารท่ามกลางแสงจันทร์ เคล้าคลอกับเสียงดนตรี เมนูแนะนำ กริลล์ แซลมอน สเต็ก ,สลัด
อาหารรสเผ็ดแต่ละจาน เราเลือกได้ว่าต้องการเผ็ดกลาง หรือ เผ็ดมาก
ทานเสร็จแนะนำตบท้ายด้วยของหวาน ปิดท้ายความอร่อยยามค่ำคืนลงตัว
ไม่เพียงแต่รสชาติอาหารเท่านั้น การบริการของพนักงาน ในการใส่ใจต้อนรับ ทำให้เราประทับใจสุดๆ และอดรู้สึกไม่ได้ที่จะภาคภูมิใจกับความเป็นไทย เติมเต็มเสน่ห์ให้กับรีสอร์ตแห่งนี้
หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,851 วันที่ 8 - 11 มกราคม พ.ศ. 2566