แม้เกาะพีพีเป็นอุทยานแห่งชาติ ภายใต้การดูแลของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา จังหวัดกระบี่ แต่การเดินทางไปเกาะพีพี สามารถเดินทางได้โดยการขึ้นเรือจากกระบี่ หรือ ภูเก็ต ซึ่งก็มี เรือ Speed boat ไปจนถึงเรือเฟอร์รี ข้ามไปเกาะพีพีได้
เราเคยไปเที่ยวเกาะพีพีมาแล้ว 2 ครั้ง มีต้นทางจากทั้ง 2 จังหวัด ซึ่งก็สะดวกมาก ใช้เวลาไม่ต่างกันมากเท่าไหร่ ทริปนี้เราซื้อทัวร์แบบวันเดย์ทริป ไปดำน้ำและเที่ยวเกาะพีพีกัน
แนะนำว่า ถ้าเราไปเที่ยวกระบี่ ให้ลองใช้บริการ ของ “เกาะพีพีทัวร์” ซึ่งขึ้นเรือได้จากท่าเรือส่วนตัวของเขาได้เลย แต่ถ้าออกจากภูเก็ต แนะนำให้ใช้บริการ “เลิฟอันดามัน” (LOVE ANDAMAN) ขึ้นเรือที่ ท่าเรือวิสิษฐ์พันวา คือดีงาม แพ็กเกจทัวร์ เลือกได้ว่าจะรวมรถรับส่งจากโรงแรม หรือจะขับรถไปที่ท่าเรือด้วยตัวเอง ก็ขึ้นกับความสะดวกของแต่ละคนเลย
โดยหมู่เกาะพีพีประกอบไปด้วย 6 เกาะ ได้แก่ เกาะพีพีดอน เกาะพีพีเล เกาะยูง เกาะบิดะนอก เกาะบิดะใน และเกาะไม้ไผ่ และยังมีสถานที่เที่ยวอื่นๆ เช่น ถ้ำไวกิ้ง ถ้ำพระนาง อ่าวไร่เลย์ อ่าวมาหยา
แต่สำหรับไฮไลท์วันเดย์ทริปเกาะพีพี อยู่ที่ “เกาะพีพีเล” ทัศนียภาพของเกาะหินปูนโดยรอบ เป็นเสน่ห์ที่น่าหลงใหลมาก โดยเฉพาะ “อ่าวมาหยา” ซึ่งโด่งดังไปทั่วโลก จากการเป็นสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่อง “The beach” ที่มี “ลีโอนาโด้ ดิคาปริโอ” เป็นนักแสดงนำ และออกฉายในปี 2543
รวมทั้งอ่าวมาหยา ก็ได้กลับมาเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา หลังจากปิดพื้นที่นี้มานานกว่า 3 ปีครึ่ง หรือตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2561 เพื่อฟื้นฟูธรรมชาติ
อ่าวมาหยาวันนี้ ยังคงเป็นเวิ้งอ่าวรูปพระจันทร์เสี้ยว ที่มีชายหาดทรายขาวละเอียดราวแป้ง ทอดยาวซ่อนตัวอยู่ภายในภูเขาหินปูนขนาดใหญ่ ซึ่งทัวร์จะนำเรือมาเทียบท่าที่จุดจอดเรือ บริเวณอ่าวโล๊ะซามะ จากนั้นเราเดินไปตามทางเดินไม้ ชมเส้นทางธรรมชาติที่มีต้นไม้หลากหลายสายพันธ์ุ เพื่อข้ามไปยังอ่าวมาหยา
เอกลักษณ์ของอ่าวมาหยา ไม่เพียงทรายขาวบริสุทธิ์ แต่น้ำทะเลก็ใสแจ๋ว มาที่นี่เราจะได้แค่มาดื่มด่ำธรรมชาติอันงดงาม และถ่ายรูปสวยๆกลับไปเป็นที่ระลึกเท่านั้น เพราะเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ลงเล่นน้ำทะเลได้ เพราะที่นี่เป็นเขตอนุรักษ์ “ปลาฉลามหูดำ”
ธรรมชาติแค่ไหนก็วัดได้จากระหว่างที่เราลงไปถ่ายรูปในน้ำทะเล ซึ่งเจ้าหน้าที่ให้ยืนได้แค่ระดับไม่เกินหัวเข่า จังหวะที่คนไม่เยอะ เหลือบมองไปรอบๆ เราโชคดีมากเลยที่มองเห็นลูกฉลามตัวเป็นๆเลย แค่นี้ก็ฟินแล้ว แต่ถ้าใครลงน้ำไปลึกกว่าที่เขากำหนดก็จะมีเจ้าหน้าที่มาเป่านกหวีดเรียกให้ขึ้นจากน้ำทันที
อีกจุดที่ตราตรึงใจเราสุดๆ คือ การมุ่งหน้าสู่ “อ่าวปิเละ” หรือ “ปิเละลากูน” ทะเลในสีเขียวมรกต โอบล้อมผาหินปูนอันสูงชัน เป็นจุดที่ได้รับการขนานนามว่า “สระว่ายน้ำกลางทะเล” ซึ่งเรือสปีดโบ๊ททุกลำก็จะแวะให้เราได้ถ่ายรูปสวยๆ กันบนเรือ
แต่ถ้าจะไม่ให้ตกขบวนต้องไม่พลาดที่จะรีเควสล่วงหน้าตั้งแต่ซื้อทัวร์ว่า จะขอจ่ายเงินเพิ่มอีกนิด เพื่อ “นั่งเรือหางยาว” ที่เป็นเอกลักษณ์ของกระบี่ และจังหวัดอันดามันที่เราเรียกกันว่า “เรือหัวโทง” ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของปิเละ
ดื่มด่ำกับความมหัศจรรย์ของปิเละลากูน พร้อมๆไปกับวนถ่ายรูปเรากับหัวเรือ ได้ภาพเก๋ๆปังๆหลายแอคเลย ได้อีกฟิลที่แตกต่าง หรือจะให้เรือหางยาวพาไปเล่นทะเลในมุมหาดส่วนตัวก็ได้
จากนั้นถึงเวลากลับขึ้นสปีดโบ๊ท เพื่อเดินทางต่อไปยัง “ถ้ำไวกิ้ง” หรือที่รู้จักกันในชื่อ ถ้ำพญานาค เป็นที่อาศัยของนกนางแอ่น ซึ่งเราแค่ได้มองจากด้านนอกเท่านั้น เพราะที่นี่มีบริษัทที่ได้รับการสัมปทานเก็บรังนกนางแอ่นดูแลอยู่
ทั้งไม่ไกลจากถ้ำไวกิ้ง ก็มีจุดดำน้ำตื้น มีฝูงปลาหลากหลายและแนวปะการังให้เราได้สัมผัสกับโลกใต้ทะเลที่สวยสดเต็มไปด้วยสีสันของสรรพชีวิตที่รายล้อมอยู่รอบตัว
ดำน้ำเสร็จก็หิวมากมาย ถึงเวลาทานข้าวเที่ยงในช่วงบ่ายคล้อย กันที่ “เกาะพีพีดอน” ซึ่งที่นี่เป็นเกาะขนาดใหญ่ มีโรงแรมและที่พักของชาวบ้าน ทานข้าวเสร็จเร็ว ก็แวะชมบรรยากาศรอบๆเกาะกันได้อยู่
ส่วนจุดสุดท้ายของทริปนี้เรานั่งเรือต่อไปยัง “เกาะไผ่” หรือ “เกาะไม้ไผ่” ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะพีพีดอน ห่างกันเพียงประมาณ 3 กิโลเมตร ทำให้เกาะแห่งนี้เป็นเกาะหนึ่งสำหรับการมาเที่ยวทะเลในโซนของเกาะพีพี
เกาะไม้ไผ่เป็นเกาะกลางทะเล ซึ่งเป็นเกาะที่สวยที่สุดของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ดงปะการังแสนไร่” จากการเป็นเกาะที่มีแนวปะการังที่หลากหลายและสวยงามทอดยาวไปถึงทางทิศใต้ของเกาะ
ทำให้เป็นพิกัดที่เหมาะกับการมาดำน้ำอย่างมาก เราดำน้ำกันเพลินเลย ส่วนใครไม่ดำก็พักผ่อนริมหาดทรายขาวกันได้แบบชิลๆ เลย
ทั้งบนเกาะยังมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ร้านอาหาร ลานกางเต็นท์ รวมถึงมีเต็นท์ของอุทยานให้บริการสำหรับผู้ที่ต้องการพักบนเกาะ แต่ผู้ที่ต้องการเข้าพักจะต้องเตรียมอาหารและน้ำดื่มมาเอง
เวลาผ่านไปเร็วมาก ได้เวลาบอกลาธรรมชาติอันสวยงาม ที่ทำเราตกหลุมรักจนถอนตัวไม่ขึ้น เพื่อมุ่งหน้ากลับฝั่ง การมาเที่ยวทะเลมันช่วยฮีลใจได้อย่างนี้นี่เอง
หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,885 วันที่ 7 - 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2566