ถึงเวลาพักร้อน หนี pm 2.5 พาร่างกายมารับวิตามิน SEA บินแป็ปเดียว “ไทยแอร์เอเชีย” ก็นำเราถึงสนามบินภูเก็ต พักผ่อนค้างคืนกันที่ “เขาหลัก” จังหวัด “พังงา”เพราะขี้เกียจตื่นแต่ไก่โห่ เหมือนเดินทางออกจาก “ภูเก็ต” ที่ต้องใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง กว่าจะเดินทางถึงท่าเรือ เพื่อมาวันเดย์ทริปเกาะสิมิลัน
เช้าแล้วเรามุ่งหน้าสู่ “ท่าเรือทับละมุ” อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา เช็คอินกันที่ “เลิฟอันดามัน”
กระซิบว่าเขามีบริการอาหารเช้า ของว่าง เบเกอรี่ เครื่องดื่มจัดเต็มชอบมากทานเสร็จพี่ๆมัคคุเทศก์ก็แนะนำโปรแกรมและข้อปฏิบัติตัวในการออกทะเล ซึ่งเราต้องระมัดระวังไม่ให้ร่างกายไปสัมผัสปะการัง เพื่อเราจะได้มีธรรมชาติใต้ท้องทะเลที่คงความสวยงามให้เราได้มาเที่ยวกันอีก
ก่อนออกเรือสามารถเช่าผ้าขนหนูจากที่นี่ได้ เตรียมแค่แว่นตากันแดด ครีมกันแดดของตัวเองให้พร้อม ส่วนอุปกรณ์ดำน้ำตื้นไม่ต้อง เพราะเลิฟอันดามันจัดไว้ให้แล้ว แต่ใครอยากใช้อุปกรณ์ของตัวเอง ก็นำมาได้
ถึงเวลาสปีดโบ๊ทนำเราเดินทางสู่หมู่เกาะสิมิลัน ซึ่งมีทั้งหมด 9 เกาะ แต่เราคงไปทุกเกาะไม่ได้ เพราะบางเกาะถูกอนุรักษ์ไว้ให้เป็นที่วางไข่ของเต่าทะเล และพื้นที่อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล
นั่งรับลมทะเลปะทะร่างกาย ฟังเสียงคลื่นเพลินๆไปก็ถึงจุดหมายแรก คือ “เกาะ 8” หรือ เกาะสิมิลัน ซึ่งมีสัญลักษณ์ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน อย่าง “หินเรือใบ” หรือ “Sail Rock” จุดชมวิวอันเลื่องชื่อ
เราต้องใช้เส้นทางศึกษาธรรมชาติหินเรือใบ เดินขึ้นเขาไปสู่จุดชมวิวหินเรือใบ ระหว่างทางเดินทางเราจะพบพันธุ์ไม้ต่างๆ ในป่าดงดิบ เช่น ไทรเลียบ ไทรย้อยใบทู่ และพันธุ์สัตว์หลากชนิด เช่น ตะกวด นกชาปีไหน หรือนกกะดง เป็นต้น
แม้จะเป็นทางเดินขึ้นจุดชมวิวหินเรือใบ จะเป็นเส้นทางลัดเลาะไปตามภูเขา ไม่อันตราย เพราะขึ้นลงกันคนละทาง ความยาวประมาณ 340 เมตร ใช้เวลาราว 30 นาที ค่อยๆเดินไปก็จะเห็นท้องทะเลสีฟ้าใสราวคริสตัลมุมสูง สวยปังสุดๆ
แล้วก็ขึ้นมาถึงซิกเนเจอร์หินเรือใบสุดเก๋ เป็นหินขนาดใหญ่คล้ายรูปเรือใบ ซึ่งเกิดจากการกัดเซาะพังทลาย โดยมีน้ำทะเลเป็นตัวกระทำอย่างรุนแรง
ทำให้บริเวณตัวเกาะเกิดเป็นลักษณะภูมิประเทศที่แปลกตา เราจะเห็นลักษณะเกาะสูงชัน ไม่มีอ่าวขนาดใหญ่ หินส่วนใหญ่ที่พบบริเวณหมู่เกาะสิมิลันจะเป็นหินอัคนีชนิดแกรนิตในยุค Cretaceous อายุประมาณ 145-165 ล้านปี
มองจากหินเรือใบลงไป จะมองเห็นชายหาดขาวสะอาดราวแป้ง โอบล้อมไปด้วยกองหินขนาดใหญ่สวยงามแปลกตา รวมไปถึง วิว “อ่าวเกือก” หรือ “Donald Duck Bay” ซึ่งก็แล้วแต่คนจะ มอง ซึ่งคนไทยอาจมองกองหินนี้เหมือนเกือก (รองเท้า) ส่วนฝรั่งก็อาจมองว่าเหมือนปาก Donald Duck นั่นเอง
วิวพ้อยท์สวยตะลึงแบบนี้ ก็ถ่ายรูปกันรัวๆ ลงจากจุดชมวิวหินเรือใบ ยังมีเวลาที่เราจะนอนอาบแดด ว่ายน้ำชิลล์ๆ ให้ธรรมชาติโอบกอดเรา สบายใจเฉิบ
จากนั้นถึงเวลามุ่งหน้าสู่ “เกาะ 9” (เกาะบางู) สน็อกเกิ้ลลิ่ง สัมผัสความงามของโลกใต้ท้องทะเล เจอปะการัง และพันธุ์ปลาหายาก ฝูงปลาขนาดใหญ่มากมากอยู่ แทบไม่อยากขึ้นจากทะเลเลย
แต่เมื่อท้องร้อง มื้อกลางวันสำหรับวันนี้ จะเป็นอาหารในแบบ ลันช์ เซ็ท นั่งทานสบายๆกัน ณ ที่ทำการอุทยานฯหมู่เกาะสิมิลัน บรรยากาศดี้ๆ ทานไป มีนกตัวน้อยเป็นเพื่อน
ทานเสร็จพี่ๆเลิฟอันดามันเหมือนจะรู้ว่าเรายังติดใจอยากจะดำน้ำต่อ เลยพามุ่งหน้าสู่เกาะ 7 (เกาะบายู) ซึ่งเป็นจุดดำน้ำที่ 2 ของวันนี้ ว่ากันว่าถ้าโชคดีก็อาจจะเจอเต่าทะเลมาว่ายเป็นเพื่อน แต่วันนี้เราได้เห็นปะการังที่ยังมีชีวิต และปลานีโม่ตัวน้อย ก็ฟินแล้วอ่ะ
บ่ายคล้อยเต็มทีถึงเวลาปิดทริปกันที่ “เกาะ 4” หรือ เกาะเมียง เกาะขนาดใหญ่กึ่งกลางหมู่เกาะสิมิลัน หาดทรายขาวละเอียด เหมาะแก่การเล่นน้ำทะเลส่งท้าย และเกาะนี้ยังมี 2 ชายหาดที่เดินทะลุถึงกันได้ด้วย เราว่ายน้ำและเดินเล่นถ่ายภาพเพลินเลย
ถึงเวลาเดินทางกลับฝั่ง เลิฟอันดามัน ยังมีเซอร์ไพร์ซ เพราะไม่ใช่แค่บริการน้ำ และของว่าง บนเรือเท่านั้น แต่เมื่อกลับถึงท่าเรือ ยังมีบริการอาหารเล็กๆน้อยให้รองท้อง
ไม่ว่าจะเป็นผัดไทย บาบีคิวไก่ มะม่วง หรือแม้แต่ไฮศกรีม ส่งท้ายความประทับใจ
ทริปหน้าถ้าจะไปดำน้ำ ชมโลกใต้ทะเลสีเทอควอยซ์อีก ต้องกลับมาใช้บริการ Love Andaman อีกครั้งแน่นอน
หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,871 วันที่ 19 - 22 มีนาคม พ.ศ. 2566