นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรค และ ประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยว่า รัฐบาลใหม่ที่จะมาถึงจะต้องผลักดัน พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม เพื่อเป็นการประกันสิทธิเสรีภาพของประชาชนตาม MOU ที่ได้ประกาศกับประชาชน
ทั้งนี้ เดือนมิ.ย.ถือว่าเป็น Pride Month เป็นเดือนที่เป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศมากว่า 50 ปี และจนมาถึงวันนี้ตนไม่เห็นว่าจะมีเหตุผลอะไรที่จะต้องกีดกันหรือแบ่งแยกกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศโดยเฉพาะเรื่องสิทธิในเนื้อตัวร่างกาย สิทธิในการไม่ถูกแบ่งแยกในที่ทำงาน และที่สำคัญคือสิทธิในการสมรส
สำหรับสิทธิในการสมรสนั้น ในมุมหนึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากขึ้น เพราะนั้นเกี่ยวข้องกับกฎหมายแพ่ง การรับมรดก การทำธุรกรรมทางการเงิน ถ้าหากกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศสามารถจดทะเบียนสมรสได้เหมือนคู่ชายหญิง จะทำให้เกิการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น เช่น การซื้อบ้าน หรือ อสังหาริมทรัพย์ต่างๆร่วมกัน
รวมถึงการวางแผนที่จะทำธุรกิจร่วมกัน เพราะปัจจุบันมีคู่รักจำนวนมากที่ไม่กล้าทำธุรกิจร่วมกันเพราะหากใครคนหนึ่งเป็นอะไรไป เกรงว่าสิ่งที่ทำด้วยกันมาจะไม่ได้รับอะไรเลยเพราะไม่มีสิทธิรับมรดก
การมีกฎหมายสมรสเท่าเทียมจะช่วยให้ประชาชนคนตัวเล็กกลุ่มที่เป็นผู้มีความหลากหลายทางเพศ สามารถลงทุนร่วมกัน กู้ร่วมกันเพื่อไปสร้างเศรษฐกิจต่อได้ รวมถึงเศรษฐกิจที่จะได้จากการผลักดันการท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับผู้มีความหลากหลายทางเพศก็จะทำได้มากขึ้นและจะสร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศ
"ปัจจุบันประเทศไทยมีชื่อเสียงที่ดีกับชุมชน LGBT ทั่วโลก เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวรวมถึงสถานบันเทิงที่เป็นมิตรต่อกลุ่ม LGBT อยู่มาก ไทยได้เม็ดเงินมหาศาลจากตรงนี้ แต่ในทางหนึ่งไทยจะเป็นสวรรค์ของ LGBT ทั่วโลกอย่างแท้จริงไม่ได้เลย หากยังไม่ให้สิทธิที่ทุกคนพึงได้ไม่ว่าจะเพศใดก็ตามแก่คนในชุมชนเหล่านี้ ดังนั้นหวังว่ารัฐบาลใหม่จะผลักดันพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ตามที่ได้ประกาศไว้ใน MOU ให้ได้โดยเร็ว"