กระบี่เป็นอีกหนึ่งในจุดหมายปลายทางในฝันของคนรักธรรมชาติ มีดีที่ทะเลสวย น้ำใส ปะการังงดงาม และฝูงปลาหลากหลายสายพันธุ์ เติมเต็มความสวยงามของโลกใต้ท้องทะเล
ความที่เรามีเวลาน้อย การเหมา “สปีดโบ๊ท” คือเลิศสุด รวมตึงเลยว่าจะเที่ยวเกาะไหนบ้างในวันเดียว จุดไหนโดนอยากแวะนานๆ ก็ตามใจ ไม่ใช่ต้องรีบตามโปรแกรมในแพ็คเกจทัวร์ที่วางขายกันไปซะทุกอย่าง
มาเที่ยวทะเลกระบี่ ต้องนึกถึง “พีพีทัวร์” ทัวร์เจ้าใหญ่ ที่นอกจากจะขายแพ็คทัวร์ไปเกาะต่างๆแล้ว ยังมีบริการเช่าสปีดโบ๊ท ด้วย เราต้องไปขึ้นเรือที่ท่าเรือของพีพีทัวร์ กันที่ “อ่าวนาง” มาเช็คอิน นั่งชิลล์ทานของว่างกรุบกริบ เรือสปีดโบ๊ท พี่คนขับเรือ กับพี่ไกด์ ส่วนตัวสำหรับกรุ๊ปเรา พร้อมเดินทาง ช่วงเช้าแบบนี้แดดยังไม่แรง
เราปักหมุดจุดแรกกัน ณ “หมู่เกาะห้อง” ที่หากมองจาก “หาดทับแขก”จะเห็น 13 เกาะเรียงรายโดยรอบ จนได้รับการเรียกขานว่า “ป่าเกาะแห่งอันดามัน”
หมู่เกาะห้องเป็นส่วนหนึ่งของ “อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี” ช่วงเวลาน้ำลง การล่องเรือเข้าสู่ “ทะเลใน” หรือ “ลากูนเกาะห้อง” เป็นเสน่ห์ของที่นี่
เราต้องว๊าวไปกับสปีดโบ๊ท ขณะแล่นผ่านท้องทะเลอันกว้างใหญ่ แล้วค่อยๆล่องเข้าช่องเขา กว้างราว 10 เมตร เพื่อพบกับลากูนลับ โอบล้อมไปด้วยหน้าผาชัน น้ำใสทรายขาว
สามารถลงไปยืนได้เลย ในช่วงน้ำลด โลเคชั่นถ่ายรูปปังๆจะอยู่ตรงหัวเรือ ระหว่างเรือแล่นออกจากลากูน ผ่านช่องเขา มุ่งหน้าสู่ทะเล
เรามุ่งหน้าสู่ “อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี” ไปขึ้น “เกาะห้อง” เกาะเขาหินปูน ด้านหน้าเกาะมีหาดทรายโค้งคล้ายรูปนกบิน ทรายขาวละเอียด น้ำทะเลสีเขียวมรกตสวยใสมาก ช่วงเช้า แดดยังไม่แรง
แนะนำให้ขึ้นจุดชมวิวก่อน ซึ่งเป็นจุดเช็คอินใหม่ที่เพิ่งเปิดให้บริการไม่นานมานี้ เตรียมร่างกายให้พร้อมเดินขึ้นบันได 419 ขั้น ระยะทาง 239 เมตร สูงเหนือระดับน้ำทะเล 109 เมตร
ค่อยๆเดินไป แวะพักไปเป็นช่วงๆ เนื่องจากแม้ทางเดินจะเป็นบันได แต่บางช่วงก็ค่อนข้างสูงชันพอสมควร แนะนำระหว่างเดินให้ชมนก ชมไม้ไปพราง
ที่นี่มีนกหลายชนิดให้เราได้เพลิดเพลิน เสียงนกร้อง ฟังแล้วแปลกๆต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น นกกางเขนดง นกปรอดสีน้ำตาลตาแดง นกออก ร้อง อ๊อก-อ๊อก-อ๊อก ต่อเนื่องกัน เหยี่ยวแดง ร้องกิ๊ก หรือ เกรอ หรือ แอ๋ ยาวๆ แล้วแต่ใครจะได้ยินแบบไหน ใช้เวลาเดินราว 45 นาทีก็ขึ้นถึงยอดเขาเกาะห้อง
โอโห! เห็นวิวแล้วสวยสะกดใจ คุ้มค่าเหนื่อยเลย กับมุมมอง 360 องศา เห็นแจ่มๆรอบทิศเลย ทิวทัศน์หลายเกาะล้อมรอบตัวเราเลย มองเห็นหมู่เกาะต่างๆในกระบี่และพังงาเลย อาทิ เกาะเหลากา, เกาะปากกะ, เกาะยะลาอูตั้ง, เกาะเหลาลาดิ้ง, เกาะผักเบี้ย,เขาหงอนนาค เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ เกาะพีพี
ทำเราถ่ายรูปรัวๆ ลืมร้อนลืมเหนื่อยเลย จากนั้นถึงเวลาลงเขา ลงมาแล้วแนะนำว่าให้นั่งพักก่อน แล้วถึงค่อยลงเล่นน้ำ ฟินมากกับชายหาดกว้างน้ำใส ทะเลสวยได้ใจ
อีกทั้งเกาะห้องยังเป็นเกาะที่เคยถูกจัดให้เป็น 1 ใน 10 Dream Destination กาลครั้งหนึ่งต้องไป ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. เมื่อราวปี 2557 อีกด้วย เรามาแล้วบอกเลยว่าอย่าพลาด
มาแถวนี้อีกหนึ่งอ่าวที่ต้องไปในระแวกนั้น เรานั่งเรือสปีดโบ๊ทออกไปไม่นานถึงอีก “เกาะเหลาลาดิง” ระหว่างทางบางเกาะจะเห็นการทำสัมปทานรังนกนางแอ่น แป็ปเดียว ก็ถึงเหลาลาดิง
เกาะแห่งนี้มีชายหาดเล็กๆ เงียบสงบ เหมาะกับการพักผ่อน จุดถ่ายรูปเช็คอิน อยู่ตรงที่มุมต้นมะพร้าวบนเกาะ นั่งเล่นชิงช้า
หรือจะว่ายน้ำก็จะมีฝูงปลาเสือมาคอยต้อนรับเป็นระยะๆ หรือจะดำน้ำกรุบกริบดูประการังก็ได้
จากนั้นเดินทางไปต่อกันที่ “เกาะผักเบี้ย” เกาะเล็กๆที่มีชายหาดเล็กๆอยู่สองด้าน เวลาน้ำลดก็จะมองเห็นสันทราย คล้ายทะเลแหวกเล็ก ขณะที่เวลาน้ำขึ้นส่วนที่เป็นชายหาดก็จะน้อยมากๆ เช่นกัน
หลังจากเราใช้เวลาพักใหญ่ในการท่องหมู่เกาะห้อง โปรแกรมที่เราดีไซน์เองยังไม่หมด ยังเหลืออีก 4 เกาะซึ่งเป็นไฮไลต์ของกระบี่ฝั่งอ่าวนางด้วย เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึงกระบี่
พี่ไกด์เลยนำเรานั่งสปีดโบ๊ทข้ามจากฝั่งทับแขกไปยังอีกฝั่งของทะเล มุ่งหน้าสู่เกาะต่างๆแถวอ่าวนาง ที่อยู่ภายในการดูแลของ “อุทยานแห่งชาตินพรัตน์ธารา” ซึ่งอยู่ห่างจากฝั่งอ่าวนางประมาณ 8 กิโลเมตร
เริ่มกันต่อที่ “เกาะปอดะ” ก่อนขึ้นเกาะ ไกด์ชี้เป้าว่าให้เราสน็อกเกิ้ลที่นี่ ก่อนจะขึ้นไปกินข้าวแบบปิกนิกกันในช่วงบ่ายกันบนเกาะ รอมานานถึงเวลาดำน้ำ ชมแนวปะการังกันในแบบจริงจังแล้ว
ที่นี่มีแนวประการังหลากหลายชนิดอยู่ ชอบสุดตรงเห็นน้องปลาการ์ตูนแหวกว่ายไปตามดอกไม้ทะเล เรียงรายอยู่หลายจุด ดำน้ำฉ่ำๆกับฝูงปลาการ์ตูนเยอะมากๆ แทบไม่อยากว่ายไปจุดอื่นเลย
เราใช้เวลาชมความน่ารักของน้องนานมาก ยอมดำเลยจ๊ะ น้ำทะเลใส สีฟ้าอมเขียว เหมาะแก่การดำน้ำ ส่วนชายหาดยิ่งช่วงแดดดีๆทรายขาวละเอียดราวแป้ง
จุดปักหมุดต่อไปพลาดไม่ได้ กับ “ทะเลแหวก” ต้องรอลุ้นว่าน้ำทะเลจะลงจนเรามองเห็นสันทรายที่เชื่อมระหว่าง 3 หาด คือ เกาะทับ เกาะไก่ เกาะหม้อ จะเห็นครบหรือไม่ หรือจะเห็นได้แค่ไหน เพราะในแต่ละวัน ระดับน้ำทะเลจะขึ้น-ลงในเวลาแตกต่างกัน
โดยทั้ง 3 เกาะจะอยู่เรียงกันเป็นรูปสามเหลี่ยม เกาะไก่ มีแท่งหินปูนท้ายเกาะด้านทิศใต้ ลักษณะคล้ายแม่ไก่ มองไปเห็นเหมือนหัวไก่เลย เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ส่วนอีก 2 เกาะเล็ก ๆ ทางทิศเหนือคือเกาะทัพและเกาะหม้อ
ยามน้ำลดทั้ง 3 เกาะจะถูกเชื่อมถึงกัน ด้วยหาดทรายขาวสะอาดที่ทอดยาว สามารถเดินข้ามจากเกาะไก่ไปยังเกาะทับได้ โดยเฉพาะในวันก่อนและหลังขึ้น 15 ค่ำ ประมาณ 5 วันน้ำทะเลจะลดลงมาก ช่วงเวลาที่เหมาะกับการเที่ยวทะเลแหวก คือ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงต้นพฤษภาคม
หลังถ่ายรูปกันรัวๆกับทะเลแหวกแล้ว ถึงเวลาเดินทางต่อไปยัง “อ่าวไร่เลย์” จุดปักหมุดสำหรับนักปีนเขา เราจะเห็นผู้คนจากหลายชาติ รวมถึงคนไทย มาปีนหน้าผาหินปูนกัน ณ จุดนี้
ทั้งที่อ่าวไร่เลย์ ยังเป็นที่ตั้งของโรงแรมหรู อย่าง “โรงแรมรายาวดี กระบี่” ขึ้นชื่อว่าราคาแพงมาก ห้องถูกสุดอยู่ที่ 2-3 หมื่นบาทต่อคืน ไปจนถึงห้องที่แพงสุดไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาทต่อคืน
จากอ่าวไร่เลย์ เราเดินเท้าต่อไปหน่อย ก็จะถึง “ถ้ำพระนาง” ถ้ำหินงอกหินย้อย สลับซับซ้อนเป็นชั้นๆ ระหว่างทางเดิน อาจจะเห็นครอบครัวลิง เป็นเพื่อนร่วมทางไปด้วยเป็นระยะๆ
ภายในถ้ำ เป็นที่ตั้งของ “ศาลพระนาง” ศาลศักดิ์สิทธิ์ของชาวกระบี่มาช้านาน เป็นที่เคารพนับถือของชาวประมง ผู้คนต่างมักจะมาขอพรเกี่ยวกับเรื่องความรัก เรื่องคู่ และคนที่อยากมีลูกก็จะมาขอพร ถ้าใครขอพรได้สำเร็จ ก็จะนำปลัดขิกมาถวาย
นอกจากนี้บริเวณ “หาดถ้ำพระนาง” ยังเป็นจุดเล่นน้ำทะเลที่สวยมาก มีม่านหินย้อน ห้อยระย้า จากบริเวณปากถ้ำ เป็นแบล็กกราวด์มุมถ่ายรูปในทะเลที่เท่ห์และเก๋มากๆ
ปิดทริปเที่ยวกระบี่ที่ดีต่อใจสุดๆ เที่ยวทะเลฮีลใจมันดีอย่างนี้เอง
หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,959 วันที่ 21 - 24 มกราคม พ.ศ. 2567