108 ปี ‘หัวลำโพง’ เปิด 10 จุดเช็คอินเรียนรู้ประวัติศาสตร์รถไฟไทยสุดคลาสสิค

13 ก.ค. 2567 | 14:25 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ก.ค. 2567 | 14:25 น.

หัวลำโพง หรือ สถานีกรุงเทพ ปัจจุบันมีอายุครบ 108 ปีแล้ว เราจะพาไปปักหมุด 10 จุดเช็คอิน ห้ามพลาด เรียนรู้ประวัติศาสตร์สุดคลาสสิค ตำนานรถไฟไทย

หากจะกล่าวถึงสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อีกแห่งของกรุงเทพมหานคร ต้องมีชื่อ “สถานีกรุงเทพ” หรือที่คนส่วนใหญ่ นิยมเรียกกันว่า “หัวลำโพง” ติดลิสต์ด้วยแน่นอน 

หัวลำโพง

ปัจจุบันสถานีกรุงเทพ หรือ หัวลำโพง มีอายุครบ 108 ปีแล้ว สถานีแห่งนี้เริ่มสร้างในช่วงปลายสมัยรัชกาลที่ 5 (พ.ศ. 2453) ก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดใช้บริการอย่างเป็นทางการ โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงกระทำพิธีกดปุ่มสัญญาณไฟฟ้าให้รถไฟขบวนแรกเดินเข้าสู่สถานีกรุงเทพ เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2459 

ความโดดเด่นของสถานีกรุงเทพ อยู่ที่ สถาปัตยกรรมสุดคลาสสิค ไม่ว่าจะเป็น โถงชานชาลาหลังคาโค้งทำด้วยเหล็ก ด้านหน้ากรุแผ่นกระจกแผ่นเล็กๆ เรียงต่อกัน และโถงระเบียงหน้าของสถานีมีปลายสองด้านเป็นป้อมรูปสี่เหลี่ยมขนาบปลายของหลังคาเหล็กโค้งชานชาลา ถือเป็นความก้าวหน้าทางวิศวกรรมที่สำคัญสมัยรัชกาลที่ 5 และ 6 สถานีกรุงเทพเป็นอาคารที่มีช่วงกว้างที่สุดของสยามในยุคนั้น 

ขณะที่ด้านหน้าและหลังส่วนโค้งทั้งสองด้านกรุกระจกแผ่นเล็กๆ ต่อกันจนเต็ม จึงทำให้เป็นอาคารที่มีผนังเป็นกระจกที่ใหญ่ที่สุดในสยามยุคนั้นเช่นกัน ผนังด้านหน้าติดนาฬิกาเรือนใหญ่บอกเวลา อันเป็นสัญลักษณ์ของความเที่ยงตรงและรวดเร็วของการคมนาคมที่ทันสมัยที่สุด ป้ายด้านหน้าสถานีจะมีตัวอักษรปูนปั้นคำว่าสถานีกรุงเทพ ติดอยู่ที่ด้านบน โถงระเบียงทางเข้าอาคารโถงระเบียงหน้าออกแบบมาเพื่อสร้างความสวยงาม เป็นอาคารคลาสสิค (Classicism) แบบยุคฟื้นฟูเรอเนสชองส์ (Renaissance Revival)

จุดเด่นอยู่ที่ป้อมรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ปลายทั้งสองข้างที่ใช้ไวยกรณ์ของประตูชัย (Triumphal arch) มาประยุกต์ออกแบบในแบบประตูชัยโบราณ ด้านบนประตูคานโค้งจะก่อเป็นแผ่นขอบหลังคาขนาดใหญ่ จารึกชื่อผู้สร้างและประดับประดาด้วยประติมากรรม ซึ่งมีรูปใบมะกอกที่มักจะอยู่ในผลงานของมาริโอ ตามาญโญ ศิลปินผู้ออกแบบสถานีกรุงเทพ

สถานีรถไฟหัวลำโพง

“สถานีกรุงเทพ” เป็นชุมทางการเดินทางของผู้คนมากมาย ถือเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของประเทศ มีอาคารอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และมีจุดที่สำคัญ

ได้แก่ อนุสรณ์ปฐมฤกษ์รถไฟหลวง ซึ่งเป็นจุดที่ ในหลวงรัชกาลที่ 5 และสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพระราชพิธีตรึงหมุดรางทอง รางเงิน ติดกับไม้หมอนมะริดคาดเงิน และเปิดการเดินรถไฟหลวงในราชอาณาจักรสายแรก เส้นทางสถานีกรุงเทพ-อยุธยา ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทาง

ทั้งยังมีโรงแรมราชธานี อดีตโรงแรมหรูที่เคยอยู่คู่สถานีหัวลำโพงมานาน รวมถึงเก้าอี้วงรี ถือเป็นสัญลักษณ์ประจำสถานีรถไฟ เป็นเก้าอี้รูปทรงคล้ายหมวกปีกถูกทับจนแบนยาว ส่วนปีกหมวกเป็นที่นั่ง ตัวหมวกเป็นพนักพิง และสะพานลำเลียงจดหมาย จุดเชื่อมต่ออาคารไปรษณีย์ตั้งอยู่ปลายชานชาลาที่ 4 ของสถานีกรุงเทพ ลานน้ำพุหัวช้าง ในอดีตเคยเป็นหลุมหลบภัยทางอากาศ 

108 ปี ‘หัวลำโพง’  เปิด 10 จุดเช็คอินเรียนรู้ประวัติศาสตร์รถไฟไทยสุดคลาสสิค

นอกจากนี้บริเวณชานชาลาที่ 4 และ 5 ยังมีรถจักรอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์นำมาจัดแสดงให้ชม จำนวน 7 คัน รวมถึงขบวนรถ SRT ROYAL BLOSSOM รถไฟท่องเที่ยวชุดใหม่ ที่การรถไฟฯ ทำการปรับปรุงหลังได้รับมอบจากบริษัท Hokkaido Railway Company (JR Hokkaido) ประเทศญี่ปุ่น เพื่อรองรับการให้บริการในหลายรูปแบบ 

สถานีกรุงเทพ ได้เพิ่มบทบาทการเป็นแลนด์มาร์กแหล่งท่องเที่ยว และมีการจัดกิจกรรมที่สำคัญของประเทศ ควบคู่กับดำรงให้คงเป็นศูนย์กลางการเดินทางที่สำคัญของคนไทย จากอดีตไปสู่อนาคต หลังจากที่ผ่านมาได้มีการจัดกิจกรรม

อาทิ Hualamphong in Your Eyes , Unfolding Bangkok และ Clash de Cartier ที่มีการจัดแสดง แสง สี เสียง ดนตรี รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ ที่การรถไฟฯ ได้ร่วมมือกับทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจัดขึ้น ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั้งจากชาวไทยและชาวต่างชาติ การเปิดพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและอนุรักษ์สถานที่อันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของประเทศไทยให้ก้าวไปสู่ในระดับโลก

ปัจจุบัน “สถานีกรุงเทพ” เปิดให้บริการขบวนรถไฟชานเมือง ขบวนรถธรรมดา และขบวนรถนำเที่ยวทุกสาย จำนวน 58 ขบวน แบ่งออกเป็น สายตะวันออก จำนวน 28 ขบวน สายเหนือ จำนวน 16 ขบวน สายตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 6 ขบวน สายใต้ จำนวน 4 ขบวน และขบวนรถนำเที่ยว จำนวน 4 ขบวน ทุกวันนี้ยังมีประชาชนมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ส่วนขบวนรถไฟทางไกล 

108 ปี ‘หัวลำโพง’  เปิด 10 จุดเช็คอินเรียนรู้ประวัติศาสตร์รถไฟไทยสุดคลาสสิค

กลุ่มขบวนรถด่วนพิเศษ รถด่วน รถเร็ว สายเหนือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ และสายใต้นั้น ให้บริการที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เพื่อลดความแออัดภายในสถานีกรุงเทพ และลดปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่เขตชั้นในบริเวณจุดตัดทางรถไฟ รวมทั้ง ลดปัญหามลภาวะทางสิ่งแวดล้อม PM 2.5 และเพิ่มประสิทธิภาพการเดินรถไฟให้มีความตรงต่อเวลามากยิ่งขึ้น

การรถไฟฯชวนร่วมเฉลิมฉลอง 108 ปี สถานีกรุงเทพ หรือ หัวลำโพง เรียนรู้ประวัติศาสตร์สำคัญ ผ่าน 10 จุดเช็คอินห้ามพลาด 

  • อนุสรณ์ปฐมฤกษ์รถไฟหลวง 

เป็นจุดที่ในหลวงรัชกาลที่ 5 และสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพระราชพิธีตรึงหมุดรางทอง รางเงิน ติดกับไม้หมอนมะริดคาดเงิน และเปิดการเดินรถไฟหลวงในราชอาณาจักรสายแรก เส้นทางสถานีกรุงเทพ-อยุธยา

108 ปี ‘หัวลำโพง’  เปิด 10 จุดเช็คอินเรียนรู้ประวัติศาสตร์รถไฟไทยสุดคลาสสิค

108 ปี ‘หัวลำโพง’  เปิด 10 จุดเช็คอินเรียนรู้ประวัติศาสตร์รถไฟไทยสุดคลาสสิค

  • สะพานลำเลียงจดหมาย 

จุดเชื่อมต่ออาคารไปรษณีย์ ตั้งอยู่บริเวณปลายชานชาลาที่ 4 ของสถานีกรุงเทพ

  • ลานน้ำพุหัวช้างหน้าสถานี  

ในอดีตเคยเป็นหลุมหลบภัยทางอากาศ

สถานีกรุงเทพ

  •  ป้ายด้านหน้าสถานีกรุงเทพ 

ตรงด้านหน้าของสถานีจะมีตัวอักษรปูนปั้นคำว่า สถานีกรุงเทพ ติดอยู่ที่ด้านบนโถงระเบียงทางเข้าด้านหน้าอาคารสถานีจุดเริ่มต้นการเดินทาง

  • สถาปัตยกรรมภายนอกสถานีกรุงเทพ 

การออกแบบตัวอาคารเป็นรูปโดมสไตล์อิตาเลียนผสมผสานกับศิลปะยุคเรอเนสซองส์

  • ระเบียงด้านหน้าสถานีกรุงเทพ 

ตกแต่งด้วยกระจกสีอย่างสวยงามที่ช่องระบายอากาศ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง อีกทั้งยังมีนาฬิกาบอกเวลาซึ่งมีอายุเก่าแก่เทียบเท่ากับตัวอาคารสถานี

108 ปี ‘หัวลำโพง’  เปิด 10 จุดเช็คอินเรียนรู้ประวัติศาสตร์รถไฟไทยสุดคลาสสิค

  • โถงกลางสถานีกรุงเทพ

นับเป็นอาคารที่ทรงคุณค่าด้านศิลปกรรมร่วมสมัยแบบสไตล์ตะวันตกที่มีความงดงามผ่านการตกแต่งภายในที่สะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานศิลปะแบบคลาสสิค(Classicism) ด้วยการใช้เสาคู่ลอยตัว ระเบียงไอโอนิก (Ionic) การตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้น และศิลปะแบบอาร์ตนูโว (Art Nouveau) 

108 ปี ‘หัวลำโพง’  เปิด 10 จุดเช็คอินเรียนรู้ประวัติศาสตร์รถไฟไทยสุดคลาสสิค

  • โรงแรมราชธานี 

ในอดีตเคยเป็นโรงแรมหรูที่อยู่คู่สถานีกรุงเทพมาอย่างยาวนาน ปัจจุบันเป็นสถานที่ปฏิบัติงานของพนักงานรถไฟ

  •  เก้าอี้วงรี 

ถือเป็นเอกลักษณ์ประจำสถานีรถไฟ ที่มีรูปทรงคล้ายหมวกปีกถูกทับจนแบนยาว ส่วนปีกหมวกเป็นที่นั่งและตัวหมวกเป็นพนักพิง ซึ่งนอกจากจะใช้เป็นที่นั่งพักคอยและพักผ่อนแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงความสวยงามที่คงไว้ซึ่งความคลาสสิค ควรค่าแก่การอนุรักษ์

  • รถจักรประวัติศาสตร์

ที่นำมาจัดแสดงบริเวณชานชาลาที่ 4 และ 5 

รถจักรประวัติศาสตร์

ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน “สถานีกรุงเทพ” ก็ยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรถไฟฯ ตลอดจนประชาชนชาวไทยไม่เปลี่ยนแปลง เพราะเป็นสถานที่อันทรงคุณค่า ทั้งในแง่ประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม ศิลปกรรม โครงสร้าง และความผูกพันกับชาวไทยมาช้านาน 

หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 4,005 วันที่ 30 มิถุนายน - 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2567