ธนาคารกสิกรไทยเดินหน้าต่อสู่เป้าหมายธนาคารยุคใหม่แห่งภูมิภาค AEC+3 จัดกลยุทธ์ผสานจุดแข็งความสัมพันธ์ลูกค้า-พันธมิตร-เทคโนโลยี ส่งมอบบริการเข้าถึงผู้ใช้งานในท้องถิ่นด้วยเทคโนโลยีแบบชาเลนเจอร์แบงก์ เล็งทุ่มงบกว่า 2,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเสริมแกร่งเครือข่ายบริการในภูมิภาค พร้อมประกาศความมุ่งมั่นรุกตลาดเวียดนามเต็มตัว เอาใจลูกค้าทุกเซกเมนต์ด้วยบริการดิจิทัล ตั้งเป้าในปี 2566 กวาดยอดสินเชื่อ 20,000 ล้านบาทจำนวนลูกค้าบุคคล 1.2 ล้านราย
ลุยเศรษฐกิจยุคหลังโควิด 19 เดินหน้าธุรกิจธนาคารยุคใหม่แห่งภูมิภาค
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่าเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนยุคหลังโควิด 19 มีแนวโน้มฟื้นตัวเป็นบวก และยังโดดเด่นกับตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่ ที่มีสัดส่วนประชากรวัยหนุ่มสาวจำนวนมากจึงช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งการขยายตัวของดิจิทัลไลฟ์สไตล์ที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ธนาคารจึงเดินหน้าขยายบริการในภูมิภาคเพื่อเชื่อมต่อโอกาสให้แก่ธุรกิจไทย และส่งมอบบริการให้แก่ลูกค้ารายย่อยและผู้ประกอบการในประเทศท้องถิ่น เพื่อให้สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินและสินเชื่อได้สะดวกและครอบคลุมความต้องการในทุกพื้นที่
งบลงทุน 2,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เสริมแกร่งธนาคารแห่งภูมิภาค AEC+3 ด้วยดีเอ็นเอของชาเลนเจอร์แบงก์
นางสาวขัตติยา กล่าวว่า สำหรับแผนธุรกิจธนาคารในภูมิภาค 3 ปีต่อจากนี้ ธนาคารจะเน้นการพัฒนาด้านเทคโนโลยี เสริมทัพทีมงาน การลงทุนในสตาร์ทอัพ และเข้าซื้อกิจการ ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ โดยใช้งบลงทุนประมาณ 2,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างเครือข่ายธุรกิจที่ผสานด้วยดีเอ็นเอแห่งชาเลนเจอร์แบงก์ ส่งมอบบริการบนดิจิทัลสู่ผู้ใช้งานในท้องถิ่นได้อย่างคล่องตัวสูง ซึ่งจะทำให้ธนาคารกสิกรไทยเป็นธนาคารยุคใหม่แห่งภูมิภาค AEC+3
กลยุทธ์ผสาน 3 จุดแข็ง ความสัมพันธ์ลูกค้า-พันธมิตร-เทคโนโลยี
ที่ผ่านมาธนาคารกสิกรไทยขยายธุรกิจในตลาดภูมิภาค AEC+3 ด้วยยุทธศาสตร์ Asset-Light Digital Banking Strategy ที่มุ่งเน้นรูปแบบการเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ โดยลงทุนและร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพในท้องถิ่น ทำให้ธนาคารมีความรุดหน้าด้านเครือข่ายและเทคโนโลยีบริการที่ตรงใจผู้ใช้งานได้มากขึ้น
กลยุทธ์การทำธุรกิจใน 3 แนวทาง ได้แก่
(1) รุกขยายสินเชื่อให้กับลูกค้าธุรกิจ (Aggressive Play) ทั้งลูกค้าที่เข้าไปลงทุนและลูกค้าท้องถิ่น
(2) ขยายฐานลูกค้าผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรของธนาคาร (Mass Acquisition Play) โดยเน้นการให้บริการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านช่องทางดิจิทัล และต่อยอดไปสู่การเชื่อมต่อการทำธุรกรรมในระดับภูมิภาค ด้วยการเป็น Regional Payment Platform
(3) พัฒนาการให้บริการทางการเงินในรูปแบบใหม่ (Disruptive Play) โดยเฉพาะการให้สินเชื่อดิจิทัล โดยใช้ Alternative Data ซึ่งทำให้ธนาคารเข้าถึงกลุ่มลูกค้า Underbanked ซึ่งเป็นฐานลูกค้าขนาดใหญ่ใน AEC+3 ได้มากขึ้นใน และสามารถต่อยอดเป็นธุรกิจ Banking-as-a-Service (Baas) ได้
ปักธงกสิกรไทยในเวียดนาม ตลาดดาวเด่นแห่งอาเซียน
นายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า เวียดนามมีแนวโน้มเติบโตรวดเร็วที่สุดในอาเซียน เนื่องจากศักยภาพในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากทั่วโลก ที่ผ่านมาแทบไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด19 มีสัดส่วนหนี้สาธารณะต่ำกว่า 60% ของ GDP และยังมีแนวโน้มเติบโตในระยะข้างหน้า คาดว่าภายในปี 2573 เวียดนามจะเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ที่มีรายได้ปานกลางค่อนข้างสูงและเป็นประเทศพัฒนาแล้วภายในปี 2588
เวียดนามมีนโยบายของภาครัฐที่ส่งเสริมเป้าหมายในการเป็น “ศูนย์กลางด้านเทคโนโลยี” แห่งใหม่ของเอเชีย ในขณะที่มีประชากรกว่า 100 ล้านคน มีอายุเฉลี่ยค่อนข้างน้อย ส่วนมากอยู่ในวัยทำงาน มีการเติบโตของชนชั้นกลางอย่างมีนัยสำคัญ โดยเห็นได้จากอัตราการเติบโตของการอุปโภคบริโภคที่ 7% ใน 3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ยังเปิดกว้างต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายทางดิจิทัล โดยพบว่าประชากรเวียดนามมากกว่า 50% ซื้อสินค้าออนไลน์
ธนาคารกสิกรไทยจะเป็นธนาคารต่างชาติแห่งแรกที่นำ “ดิจิทัล โปรดักส์ โซลูชัน” เต็มรูปแบบ ให้บริการลูกค้าทุกเซกเมนต์ ทั้งกลุ่มธุรกิจท้องถิ่นและต่างชาติที่เข้าไปลงทุนในเวียดนาม โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจเทรดดิ้ง ธุรกิจบริการ ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน ธุรกิจอุตสาหกรรม และลูกค้าบุคคลและธุรกิจขนาดเล็ก โดยผ่านผลิตภัณฑ์เงินฝาก สินเชื่อบุคคล และระบบการรับชำระเงิน
โดยนำศักยภาพด้านเทคโนโลยีของธนาคารในฐานะผู้นำด้านดิจิทัลแบงกิ้งและโมบายแบงกิ้งของไทย ไปต่อยอดการพัฒนาบริการให้แก่ลูกค้าในเวียดนาม ทั้งการใช้ K PLUS Vietnam เป็นแกนหลักในการสร้าง Digital Lifestyle Ecosystem ให้แก่ลูกค้าบุคคล เพื่อให้ครอบคลุมลูกค้าได้ทั่วประเทศ และการออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อดิจิทัล
เริ่มจาก KBank Biz Loan ที่ให้สินเชื่อแก่ร้านค้าขนาดเล็ก โดยเน้นการเข้าถึงลูกค้าผ่านทางพันธมิตรและแพลตฟอร์มท้องถิ่นผ่านการลงทุนของ KASIKORN VISION ซึ่งเป็นบริษัททำหน้าที่ด้านการลงทุนของธนาคาร และการตั้ง KBTG Vietnam เพื่อรองรับการพัฒนาเทคโนโลยีในการให้บริการทั้งในเวียดนามและในภูมิภาค
นายพิพิธ กล่าวด้วยว่า ธนาคารกสิกรไทยได้เดินหน้าเข้าสู่ตลาดของเวียดนาม พร้อมบริการดิจิทัลที่เชื่อมต่อเข้าถึงลูกค้าผ่านช่องทางธนาคารและแพลตฟอร์มพันธมิตรครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำถึงยุทธศาสตร์ของธนาคารในการก้าวเป็นธนาคารยุคใหม่แห่งภูมิภาค AEC+3 อย่างสมบูรณ์แบบ
ด้วยวิธีการแบบชาเลนเจอร์แบงก์ ที่เน้นความคล่องตัวสูงและเข้าถึงผู้บริโภคด้วยเทคโนโลยี ธนาคารเชื่อมั่นว่าจะสามารถเชื่อมต่อบริการธนาคารสู่ลูกค้าท้องถิ่นในเวียดนามได้ในวงกว้าง สะดวก รวดเร็ว และตรงความต้องการ ตั้งเป้าหมายในปี 2566 จะมีลูกค้าบุคคลเวียดนาม 1.2 ล้านราย ปล่อยสินเชื่อรวมได้ 20,000 ล้านบาท พร้อมขยายผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยมีเครือข่ายการให้บริการในต่างประเทศในกลุ่มประเทศ AEC+3 และประเทศอื่น ๆ รวมทั้งสิ้น 16 แห่ง โดยมีสาขานครโฮจิมินห์เป็นสาขาล่าสุด มีสถาบันทางการเงินที่เป็นพันธมิตรกว่า 84 แห่งทั่วโลก เครือข่ายสตาร์ทอัพในภูมิภาคที่ธนาคารลงทุนและพันธมิตรรวมมากกว่า 20 ราย และมีฐานลูกค้าในภูมิภาคกว่า 1.85 ล้านคน
ในแง่รายได้จากสาขาต่างประเทศนั้น ที่ผ่านมาครึ่งปีนี้สาขาในจีนสร้างรายได้ให้กับกสิกรไทยประมาณ 50% โดยครึ่งปีน่าจะอยู่ที่ประมาณ 700ล้านบาท จากรายได้ในภูมิภาคทั้งหมด 1400ล้านบาท ที่เหลือกัมพูชาเป็นตลาดที่ทำรายได้มากที่สุด หลังเปิดให้บริการ 3ปี
แต่เวียดนามเพิ่งเปิดให้บริการแค่ไม่กี่เดือนรายได้ขึ้นมาระดับใกล้เคียงกัมพูชา โดยคาดว่าในปีหน้าจะปล่อยสินเชื่อได้กว่า 2.2หมื่นล้านบาท น่าจะมีลูกค้า 1.2ล้านคนขึ้นไปโดยใช้ K+(K Plus) และมีลูกค้าดาวน์โหลดแล้วใกล้ 1แสนรายภายในช่วง 1-2เดือนซึ่งสามารถลดต้นทุนด้วยวิธีการทำงานผ่านบริการสินเชื่อออนไลน์สำหรับพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลาย และเครื่องEDCเริ่มให้สินเชื่อใช้ข้อมูลบนดิจิทัลแพลตฟอร์มของร้านค้าออนไลน์มียอดอนุมัติสินเชื่อแล้วประมาณ 100ล้านบาท
“ปีหน้าตั้งเป้ารายได้จากสาขาต่างประเทศเติบโต 5%จากครึ่งปีนี้ที่ทำได้ 1,400ล้านบาทคิดเป็นการเติบโตในอัตรา 2.2%ซึ่งเป็นระดับเดียวกับปีที่แล้ว”