ปิกอัพ MG บุกตลาดไทยวาง ราคาตํ่ากว่าคู่แข่ง 10% เริ่มต้น 5.49 แสนบาท หวังแย่งส่วนแบ่งการตลาดเบอร์รอง ด้าน เชฟโรเลต มาสด้า ฟอร์ด จัดโปรฯดาวน์ 0 บาทรับน้อง ส่วน นิสสัน นาวารา ตัวถังตอนครึ่งเปิดราคา 4.99 แสนบาท
ตลาดปิกอัพ 1 ตัน ช่วงครึ่งปีแรก(ม.ค.-มิ.ย.62) แม้ยอดขายรวมทำได้ถึง 225,508 คัน โต 8.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทว่าตัวเลขที่สูงขึ้นกลับไปกระจุกอยู่ที่ค่ายใหญ่ โตโยต้า และอีซูซุ ด้วยอัตราการขยายตัว 29.2% และ 3.8% ตามลำดับ ซึ่งทั้ง 2 ค่ายขายปิกอัพรวมกันเกือบ 2 แสนคัน ครองส่วนแบ่งการตลาด70%
ในกลุ่มดิวิชัน 2 ของตลาดมีเพียงนิสสันที่สถานการณ์สดใสด้วยยอดขาย 13,391 คัน โต 26.1% นอกเหนือไปจากนั้นยอดขายตกถ้วนหน้า ทั้ง มิตซูบิชิ เชฟโรเลต มาสด้า และที่อาการหนักสุดคือ ฟอร์ด ที่ตัวเลขครึ่งปีแรกลดไปถึง 15.8%
ด้วยสถานการณ์ครึ่งปีแรก ทำให้ทุกค่ายรถยนต์เดินเกมด้วยการใช้แคมเปญอย่างหนัก พยายามให้ลูกค้าใช้เงินน้อยที่สุด หรือไม่ต้องใช้เงินในการออกรถ (ดาวน์ 0 บาท) ล่าสุดยังเจอคู่แข่งน้องใหม่ “เอ็มจี” ที่โดดเข้ามาเล่นตลาดนี้เป็นครั้งแรก หลังจากกว่า 5 ปีของการดำเนินธุรกิจในไทยขายเฉพาะรถยนต์นั่ง
สำหรับปิกอัพเอ็มจีใช้ชื่อว่า “เอ็กซ์เทนเดอร์” ประกอบที่โรงงานเอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี ภายในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์น ซีบอร์ด แห่งที่ 2 จังหวัดชลบุรี มีให้เลือกทั้ง ตัวถังตอนครึ่งและดับเบิลแค็บ 4 ประตู วางเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบแปรผัน 161 แรงม้า แบ่งขาย 9 รุ่นย่อย ราคา 5.49 แสน- 1.029 ล้านบาท รถพร้อมส่งมอบปลายเดือนสิงหาคมนี้ ตั้งเป้าขาย 5 หมื่นคันภายใน 1 ปี หรือครองส่วนแบ่งในตลาดปิกอัพ 5%
เมื่อพิจารณาการขายปิกอัพในตลาดพบว่า ตัวถังแบบตอนเดียวมีสัดส่วน 15% ตัวถังแบบตอนครึ่งหรือแค็บเปิดได้ 40% และตัวถังดับเบิลแค็บ 4 ประตู 45% ซึ่งเอ็มจี เริ่มทำตลาดใน 2 ตัวถังแบบหลังและต้องการจับกลุ่มลูกค้าที่ใช้ปิกอัพเป็นรถยนต์นั่งมากกว่าการใช้เพื่อการพาณิชย์
“ปิกอัพของเรามีตัวถังใหญ่ที่สุดในตลาดมาภายใต้คอนเซ็ปต์ กระบะพันธุ์ยักษ์ ให้มากกว่าความแกร่ง และมีความคุ้มค่าต่อราคาสูง ซึ่งเราพยายามตั้งราคาให้ตํ่ากว่าคู่แข่ง 10% ในรุ่นย่อยระดับเดียวกัน” นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวและว่า
กลุ่มปิกอัพแบบตอนครึ่งราคาในตลาดอยู่ที่ 6-8 แสนบาท แต่ “เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์” เริ่มต้น 5.49 แสนบาท(เกียร์ธรรมดา) ถึง 7.29 แสนบาท (เกียร์อัตโนมัติ) ส่วนกลุ่มปิกอัพ 4 ประตู คู่แข่งตั้งราคา 8 แสน-1.2 ล้านบาท แต่ “เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์” เริ่มต้น 7.59 แสนบาท(เกียร์ธรรมดา) ถึง 1.029 ล้านบาท (เกียร์อัตโนมัติ)
นอกจากนี้ ยังมีค่าบำรุงรักษาทั้งในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่น้อยที่สุดเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน คือ ระยะทาง 100,000 กิโลเมตร ไม่เกิน 20,000 บาท
“เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์ ผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ ยูโร 4 แต่พัฒนาให้ถึงยูโร 6 ได้ แต่ยังไม่รองรับนํ้ามันดีเซล บี20 ส่วนการผลิตที่โรงงานของเอ็มจี จะใช้ไลน์ผลิตร่วมกับรถยนต์นั่ง เบื้องต้นใช้ชิ้นส่วนในประเทศ 50% และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต โดยยังไม่มีแผนส่งออก” นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว
การมาของเอ็มจี มีการแสดงความคิดเห็นที่หลากหลายในด้านราคา ซึ่งตัวท็อปตัวถังดับเบิลแค็บ ขับเคลื่อน 4 ล้อ มาพร้อมระบบ i-SMART และเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยขั้นสูงเพียบ แต่ตั้งราคาไว้ 1.029 ล้านบาท ซึ่งแหล่งข่าวจาก เอ็มจี เซลส์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ต้องการตั้งราคาให้ลูกค้าเป็นเจ้าของได้ง่าย แต่รุ่นท็อปราคาเกินล้านเป็นความต้องการสร้างอิมเมจให้ เอ็กซ์เทนเดอร์ ดูมีระดับมากกกว่า
“เราคงไม่ได้หวังยอดขายกับรุ่นย่อยนี้มากนัก ส่วนรุ่นย่อยอื่นๆ ถือว่ามีความคุ้มค่า เบื้องต้นยังไม่สามารถยืนยันว่ารุ่นย่อยไหนหรือตัวถังแบบใดจะขายดีที่สุด” แหล่งข่าวกล่าว
การมาของ “เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์” ที่ได้เปรียบเรื่องความสดใหม่ บนตัวถังขนาดใหญ่ อุปกรณ์ครบครันในราคาที่ตํ่ากว่าคู่แข่ง (ยังไม่รวมแคมเปญ) ย่อมมีผลโดยตรงกับปิกอัพในกลุ่ม(ยอดขาย)ดิวิชัน 2 ที่ครึ่งปีแรกแข่งขันกันหนักอยู่แล้ว ยังต้องเพิ่มความเข้มข้นในการใช้แคมเปญ หรือการสนับสนุนราคาอย่างต่อเนื่อง
อย่าง เชฟโรเลต โคโลราโด ทุกรุ่น ไม่ต้องใช้เงินดาวน์ พร้อมรับดอกเบี้ย 2.9% ผ่อน 48 เดือน มาสด้า บีที-50 โปร รับส่วนลดกว่า 1 แสนบาท หรือเลือกดาวน์ 0 บาท หรือดอกเบี้ย ไม่ถึง 1% ส่วนแคมเปญอย่างเป็นทางการจาก มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย คือ ดอกเบี้ย 0% เมื่อดาวน์ 25% และผ่อน 48 เดือน แถมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง
ส่วนนิสสัน ออกแคมเปญเดือนสิงหาคมด้วยการลดราคา นาวารา ตัวถังตอนครึ่ง รุ่น S เกียร์ธรรมดาเหลือ 4.99 แสนบาท (ราคาปกติ 6.37 แสนบาท) หรือเลือกรับเป็นไม่ต้องใช้เงินดาวน์ในการออกรถ
ทั้งนี้ ตามรายงานของโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย คาดว่าตลาดปิกอัพ 1 ตัน ปี 2562 จะขายรวมทุกยี่ห้อ 432,898 คัน ลดลง 3.2%
หน้า 1 ฉบับที่ 3,495 วันที่ 11 - 14 สิงหาคม พ.ศ. 2562