บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด รายงานว่า ตลาดรถยนต์ในปี 2563 มียอดขาย 7.9 แสนคัน ลดลงประมาณ 20% ในส่วนมาสด้า ทำได้ 39,266 คัน ลดลงประมาณ 32%
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปี 2563 นับเป็นปีที่ท้าทาย โดยมีทั้งปัจจัยภายนอกและภายในที่เข้ามากระทบ โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นปี และเมื่อกลางปี 2563 มาสด้าได้ปรับเป้าการขายมาอยู่ที่ 45,000 คัน แต่สุดท้าย ยอดขายรถปี 2563 มาสด้าทำได้ 39,266 คัน หรือลดลงประมาณ 32% ซึ่งต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ แต่ยังถือว่าเป็นจำนวนที่สูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียนและตลาดเกิดใหม่ โดยแบ่งออกเป็นรถยนต์นั่งจำนวน 24,839 คัน รถอเนกประสงค์เอสยูวี 11,716 คัน รถปิกอัพ 2,711 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 5%
การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ รุ่นพิเศษ รวมถึงการปรับโฉมให้กับตลาดรถยนต์นั่งและรถอเนกประสงค์อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ ยอดขายรถเดือนธันวาคม 2563 มาสด้าสามารถทำยอดขายรถรวม ได้สูงที่สุดในรอบปีถึง 5,253 คัน โดยแบ่งเป็น Mazda2 จำนวน 3,084 คัน (ยอดขายสูงสุดในรอบปี) ตามด้วย Mazda CX-30 จำนวน 936 คัน (ยอดขายสูงสุดนับแต่เปิดตัว) Mazda CX-3 จำนวน 457 คัน (ยอดขายสูงสุดในรอบ 2 ปี) Mazda3 จำนวน 391 คัน Mazda CX-8 จำนวน 260 คัน และ Mazda CX-5 จำนวน 124 คัน
สำหรับทิศทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมรถยนต์ในปี 2564 คาดว่า ตลาดรวม ยอดขาย ปี 2564 ประมาณ 8.4 แสนคัน แต่ต้องจับตาการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 จะส่งผลต่อภาพรวมประเทศแค่ไหน ส่วนมาสด้าตั้งเป้าขายในปี 2564 ไว้ 50,000 คัน ครองส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 6%