วอลโว่ คาร์ น่าจะเป็นหนึ่งในค่ายรถยนต์อาภัพที่สุดในช่วง 2-3 ปีหลัง เพราะในจังหวะที่มีโปรดักต์ดีๆ ราคาน่าคบหา และที่ผ่านมา ยังได้รื้อโครงสร้างการบริการหลังการขาย จนสามารถลบ Pain Point ได้สำเร็จ
ทว่า กลับมาเจอโควิด-19 เต็มๆ ทำให้โรงงานผลิตที่ประเทศมาเลเซีย (กลุ่มรถปลั๊ก-อินไฮบริด) และจีน (อีวี) ไม่สามารถส่งรถมาได้เพียงพอกับความต้องการ จนท่านประธาน “คริส เวลส์” ยอมรับว่า แม้ยอดขายวอลโว่ในปี 2564 จะไม่ลดลง แต่ถ้ามีรถส่งมอบได้ตามแผน วอลโว่น่าจะโตได้ระดับ 15-20% เมื่อเทียบกับปี 2563 (1,824 คัน)
ในส่วน EV โมเดลแรก Volvo XC40 Recharge Pure Electric ที่ตั้งใจนำเข้ามาเปิดตัวในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2021 แต่รถก็มาอวดโฉมไม่ทัน (แม้ตามแผนจะเปิดให้จองออนไลน์อยู่แล้วก็ตาม) จากนั้นรถล็อตแรกจำนวนไม่กี่สิบคัน ทยอยส่งมอบให้ลูกค้าได้ในเดือนกรกฎาคม และก็ไม่มีรถอีกเลย จนกระทั่งเดือนธันวาคม 2564 และต้นเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ผมถึงมีโอกาสได้ลองขับตัวจริงเสียงจริงของเอสยูวีพลังงานไฟฟ้ารุ่นนี้
Volvo XC40 Recharge Pure Electric พัฒนาบนพื้นฐาน CMA ซึ่งแพลตฟอร์มนี้ บริษัทแม่ จีลี่ แชร์ให้แบรนด์ Lynk & Co ทำตลาดในจีนด้วย
เมืองไทยนำเข้า Volvo XC40 Recharge Pure Electric มาโดยไม่เสียภาษีนำเข้า ตามกรอบเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน แต่ยังโดนภาษีตัวอื่นๆ เช่น สรรพสามิต 8% โดยตั้งราคาขาย 2.59 ล้านบาท และในปีที่แล้ว ผมยังเห็นโปรโมชัน และแพกเกจบริการหลังการขาย รวมมูลค่ากว่า 3 แสนบาทเลยทีเดียว
มาว่ากันที่ตัวรถครับ กับการใช้มอเตอร์ขับเคลื่อนสองตัวหน้า-หลัง ซึ่งวอลโว่บวกแรงม้า-แรงบิดของมอเตอร์แต่ละตัวตรงๆ คือ กำลังสูงสุดตัวละ 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุดตัวละ 330 นิวตัน-เมตร ดังนั้นกำลังขับเคลื่อนรวมของ EV คันนี้คือ 408 แรงม้า แรงบิด 660 นิวตัน-เมตร โดยแต่ละชุดจะมีเฟืองเกียร์หนึ่งตัว Single Speed คอยควบคุมรอบก่อนลงสู่เพลาขับ
ในภาพรวม ตัวรถขับดีมากนะครับ พละกำลังจัดจ้าน อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. แค่ 4.9 วินาที กับเอสยูวีไซส์ไม่ใหญ่จนเกินไป
การแซงในระยะกระชั้น Volvo XC40 EV ตอบสนองรวดเร็ว ยิ่งใครกำลังจะขับผ่านแยกไฟแดง แล้วเจอตัวเลขนับถอยหลัง ระยะทางเหลือประมาณ 100 เมตร หากตัดสินใจกดคันเร่งเต็มๆ ดูอัลมอเตอร์อันทรงพลังของเอสยูวีคันนี้ สามารถทำให้รถพุ่งแหวกอากาศ ผ่านแยกได้สบาย
ขณะที่ระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นโครงสร้างแบบแมคเฟอร์สันสตรัท หลังมัลติลิงค์ พร้อมด้วยชุดแพกแบตเตอรี่ถ่วงน้ำหนักอยู่บนแพลตฟอร์ม ช่วงล่างการรองรับจะให้ความรู้สึกหนึบๆ แข็งๆ
การตอบสนองของช่วงล่างแบบนี้ ส่วนตัวผมชอบนะครับ หนักแน่น เกาะถนน พร้อมล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ประกบยาง Pirelli คู่หน้า 235/50 R19 และคู่หลัง 255/45 R19 เก็บอาการในโค้งยอดเยี่ยม รถโยนตัวน้อยมากๆ (แต่คนนั่งเป็นผู้โดยสาร ผมไม่แน่ใจว่าชอบหรือไม่ ยิ่งช่วงที่ผ่านรอยต่อถนน หรือคอสะพาน จะรับรู้ถึงอาการสะท้านพอสมควร)
ส่วนพวงมาลัยผ่อนแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ปรับน้ำหนักได้สองระดับ โดยกดปุ่มเลือกที่หน้าจอกลางขนาด 9 นิ้ว ว่าต้องการแบบ Firm ที่หนักแน่น ขับใช้ความเร็วสูง สามารถถือพวงมาลัยได้นิ่งๆ ส่วนพวงมาลัยน้ำหนักเบา ช่วยให้การขับขี่ในเมือง (ช้าๆ) คล่องตัว ทั้งเวลาเลี้ยว และถอยจอด
เช่นเดียวกับการหน่วงของระบบเบรกรีเจเนอเรทีฟ เมื่อผู้ขับยกเท้าออกจากแป้นคันเร่ง จะมีแบบหน่วงมาก และหน่วงน้อยให้เลือก 2 รูปแบบ กับระบบ One Padal ซึ่งใครกดเลือกโหมดนี้ ก็เตรียมใจรับการดึงของรถแบบหน้าทิ่มได้เลย (ดึงแรงมากๆ) แต่ข้อดีคือ คุณจะได้พลังงานไฟฟ้ากลับมาเก็บในแบตเตอรี่มากขึ้น
ด้านแบตเตอรี่ความจุ 78 กิโลวัตต์ชั่วโมง ของ Volvo XC40 EV ตามคู่มือแจ้งว่าชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้งวิ่งได้ระยะทาง 418 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP ของยุโรป ส่วนอัตราบริโภคพลังงานเฉลี่ย ผมทำได้ประมาณ 20 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อ 100 กม.
ดังนั้น ถ้าคิดเรตค่าไฟฟ้าเฉลี่ยๆ ประมาณ 4 บาท ต่อหน่วย คำนวนเป็นค่าใช้จ่ายต่อหน่วยการวิ่ง 80 สตางค์ต่อหนึ่งกิโลเมตร
ทว่าบ้านใครติดมิเตอร์ TOU แล้วชาร์จช่วง Off Peak หน่วยละไม่ถึง 3 บาท ค่าใช้จ่ายต่อหน่วยการวิ่งอาจจะตก 50 สตางค์ต่อหนึ่งกิโลเมตร ก็ถือว่าสมเหตุสมผลกับ EV ที่ใช้มอเตอร์สองตัวในการขับเคลื่อน และแลกมาด้วยสมรรถนะอันยอดเยี่ยมละครับ
รวบรัดตัดความ...หากวัดกันที่ตัวรถแบบปอนด์ต่อปอนด์ โดยชื่อชั้นแบรนด์ พร้อมเทคโนโลยียานยนต์ ฟังก์ชันความปลอดภัยที่เป็นมาตรฐานของวอลโว่ กับค่าตัว 2.59 ล้านบาท หรือยิ่งคิดในมุมราคาต่อพละกำลัง 408 แรงม้า รวมๆ Volvo XC40 Recharge Pure Electric ถือเป็นรถที่มีความคุ้มค่าต่อราคาสูงครับ
เรื่อง/ภาพ รีวิว Volvo XC40 EV : กรกิต กสิคุณ