ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยปี 2564 แม้จะโดนปัจจัยเสี่ยงอย่างการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 แต่หลายค่ายยังเติบโตและเดินหน้าทำตลาดต่อเนื่อง โดยเฉพาะค่ายฮอนด้า ที่ในปีที่ผ่านมา ส่งรถรุ่นใหม่ เทคโนโลยีใหม่ อาทิ ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ ,ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ,ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี และ ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี
ผลจากการเติมแนวรุกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปี 2564 ฮอนด้า สามารถครองยอดขายเป็นอันดับ 1 ในตลาดรถยนต์นั่ง โดยสามารถทำยอดจำหน่ายสะสม 88,692 คัน ครองส่วนแบ่งทางการตลาดรถยนต์นั่งเป็นอันดับหนึ่งด้วยสัดส่วน 27.9% และฮอนด้ายังครองอันดับ 1 ใน 4 เซกเมนต์หลัก ได้แก่
1.กลุ่มรถยนต์ซับคอมแพคท์และอีโค ซับคอมแพคท์ ซีดาน (B and B-Eco Sedan segments)
2.กลุ่มรถยนต์ซับคอมแพคท์และอีโค ซับคอมแพคท์ ซีดานและแฮทช์แบ็ก (B and B-Eco Sedan and Hatchback segments)
3.กลุ่มรถยนต์คอมแพคท์ (C-segment)
4.กลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ (L-SUV segment)
นายโนริยุกิ ทาคาคุระ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 2564 ที่ผ่านมานับเป็นอีกปีที่ท้าทายสำหรับการทำงานในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ต้องปรับเปลี่ยนการทำงาน ให้สอดคล้องและทันกับสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าในปี 2565 สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 และเศรษฐกิจจะมีแนวโน้มในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งในส่วนของฮอนด้ายังคงเดินหน้าสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า ด้วยการพัฒนารถรุ่นใหม่ออกสู่ตลาด และ มุ่งไปสู่สังคมปลอดมลพิษและสร้างสังคมปลอดอุบัติเหตุ ตามเป้าหมายปี 2593
นอกจากนั้นแล้วยังยกระดับการบริการหลังการขาย ที่เพิ่มความสะดวกสบายและอุ่นใจในการใช้บริการแบบครบวงจรภายใต้มาตรฐานเดียวกันจากโชว์รูมและศูนย์บริการทั้ง 229 แห่งทั่วประเทศ พร้อมตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า ด้วยทีมงานที่เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ อีกทั้งแพกเกจบริการต่างๆ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในผลิตภัณฑ์และการบริการของฮอนด้า