รถยนต์สะเทือน วิกฤติยูเครน-ชิพขาดแคลน เป้าส่งออกล้านคันส่อวืด

นายสุรพงษ์  ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธาน และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ทางกลุ่มยังคงเป้าหมายการส่งออกรถยนต์ปีนี้ไว้ที่ 1 ล้านคัน แม้ช่วง 2 เดือนแรกปีนี้ส่งออกได้ 149,284 คัน ลดลง 2.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ปัจจัยสำคัญจากการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์(ไมโครชิพ) ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญในการผลิตรถยนต์และชินส่วนประกอบ ทำให้ผลิตและส่งออกได้ลดลง เฉพาะอย่างยิ่งตลาดเอเชียที่เป็นสัดส่วนการส่งออกเกือบ 50% ของภาพรวมการส่งออกลดลงอย่างมาก รวมถึงการส่งออกไปยังออสเตรเลียที่เป็นอีกหนึ่งตลาดสำคัญก็ลดลงเช่นกัน

สำหรับสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนยังไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกรถยนต์ของไทย แต่หากยืดเยื้อบานปลายจะส่งผลกระทบทางอ้อมยิ่งทำให้การขาดแคลนไมโครชิพและชิ้นส่วนอื่น ๆ เพิ่มขึ้น  จากรัสเซียห้ามส่งออกแร่ธาตุที่ใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตชิ้นส่วนของหลายอุตสาหกรรม รวมถึงเพื่อใช้ในการผลิตไมโครชิพ เช่น นิกเกิล พาลาเดียม แร่เหล็ก และอื่น ๆ ขณะที่ชาติตะวันตกก็บอยคอยไม่ให้ซื้อสินค้าจากรัสเซีย ซึ่งต้องจับตาว่าสถานการณ์จะยืดเยื้อยาวนานแค่ไหน

 “ไมโครชิพส่วนใหญ่ไทยนำเข้าจากมาเลเซีย ไต้หวัน ญี่ปุ่น ยุโรปบางส่วน เดิมก็ขาดแคลนมาตั้งแต่ปีที่แล้วต่อเนื่องถึงปีนี้โดยทั้งยุโรป อเมริกาต่างก็ขาดแคลนหมด เพราะจากโควิดคนต้อง work from home เด็กต้องเรียนทางไกล คนทำงานก็ประชุมทางไกล อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์ขายดี และมีชิปเป็นส่วนประกอบทั้งสิ้น ครั้นโรงงานผลิตไมโครชิพจะหันมาผลิตป้อนอุตสาหกรรมรถยนต์ก็ขยายกำลังผลิตไม่ทัน เพราะออเดอร์ความต้องการชิพของภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ก็มีเพิ่มขึ้น ซึ่งการที่โรงงานผลิตไมโครชิพจะขยายการผลิตหรือลงทุนใหม่ เช่น หากจะลงทุนปีนี้ กว่าจะสร้างโรงงานเสร็จก็อีก 2 ปี มองว่าถึงปี 2567 สถานการณ์ถึงจะคลี่คลาย”

ดังนั้นจึงคาดการณ์ส่งออกรถยนต์ในช่วงไตรมาสแรก รวมถึงครึ่งแรกของปีนี้ยังคงติดลบ ต้องรอดูว่าเดือนมีนาคมโรงงานรถยนต์จะได้รับไมโครชิพเข้ามามากน้อยแค่ไหน ส่วนเป้าหมายส่งออกรถยนต์ทั้งปี 1 ล้านคันในปีนี้จะทำได้หรือไม่ (ปี 2564 ไทยส่งออกรถยนต์ได้ 9.5 แสนคัน จากได้รับไมโครชิพในเดือนพ.ย.-ธ.ค.เข้ามามาก) ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะพูด เพราะเวลานี้จากการขาดแคลนไมโครชิพทำให้แต่ละโรงงานไม่สามารถผลิตรถยนต์ได้เต็มเพดานการผลิต ภาพรวมยังผลิตได้แค่ 1.5 แสนคันต่อเดือน จากสามารถผลิตได้ถึง 1.7 แสนคันต่อเดือน

ขณะเดียวกันต้องติดตามสงครามรัสเซีย-ยูเครนว่าจะยืดเยื้อแค่ไหน อีก 2-3 เดือนสถานการณ์จะดีขึ้นหรือไม่ เพราะมีผลต่อเศรษฐกิจ การค้าโลก ขณะที่เวลานี้ราคาสินค้าทั่วโลกแพงขึ้น ทำให้เงินเฟ้อทั่วโลกสูงขึ้น สวนทางรายได้ผู้บริโภคลดลงเป็นอีกตัวแปรสำคัญ ขณะที่ยังต้องลุ้นยอดขายรถยนต์ในปีนี้จะถึง 8 แสนคันตามที่ตั้งเป้าหมายไว้หรือไม่