“พิมพ์ภัทรา” ชี้ไทยยังครองฐานผลิตรถยนต์ หลังค่ายรถแข่งขันดุ

09 ก.ค. 2567 | 07:59 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ก.ค. 2567 | 08:03 น.

รมว.อุตสาหกรรม “พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล” รับทราบรายงาน ฮอนด้า ย้ายไลน์ผลิตไปปราจีนบุรี ยอมรับอุตสาหกรรมยานยนต์แข่งขันกันสูง เอกชนต้องลดต้นทุน เชื่อไทยยังเป้นฐานการผลิตสำคัญทุกค่าย ทั้งสันดาป และ EV

วันนี้ (9 กรกฎาคม 2567) ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงกรณีบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ย้ายโรงงานผลิตและส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป จากโรงงานที่จังหวัดประนครศรีอยุธยา ไปโรงงานที่จังหวัดปราจีนบุรีว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ได้รับทราบรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว 

ทั้งนี้จากการรายงานพบว่า กรณีการย้ายโรงงานของฮอนด้าฯ ครั้งนี้ เป็นการแผนผลิตรถยนต์ โดยย้ายโรงงานผลิตและส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป มาอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรีแทน ส่วนโรงงานที่จังหวัดประนครศรีอยุธยา ก็ยังมีอยู่แต่ปรับจากกการผลิตรถยนต์มาเป็นการผลิตและส่งออกชิ้นส่วนแทนเท่านั้น 

“ได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว โดยเห็นว่า ที่ผ่านมาบริษัท ฮอนด้าฯ ได้มีการย้ายการผลิตส่วนหนึ่งไปแล้ว เมื่อช่วงปีที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ในประเทศ และครั้งนี้ก็เห็นว่าเป็นการย้ายฐานการผลิตไปรวมกันมากกว่า และส่วนหนึ่งก็ช่วยลดต้นทุนได้มากขึ้นด้วย” น.ส.พิมพ์ภัทรา ระบุ

นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป (Internal Combustion Engine: ICE) ทุกค่ายก็ได้มีการปรับตัว ขณะที่ค่ายรถยนต์ใหม่ ๆ ที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ก็มีการเข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทยด้วย ซึ่งส่วนตัวมองว่า การแข่งขันของอุตสาหกรรมยานยนต์ตอนนี้ก็มีผลต่อการดำเนินธุรกิจของค่ายรถยนต์ต่าง ๆ แต่ทั้งหมดเชื่อว่าประเทศไทยจะได้ประโยชน์จากการใช้เป็นฐานการผลิตรถยนต์ในหลาย ๆ ประเภท 

ดังนั้นการจะผลักดันให้อุตสาหกรรมยานยนต์แต่ละแห่งยังตัดสินใจใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิต ทั้ง ICE และ EV สิ่งสำคัญที่สุดคือ จะต้องหาทางบริหารจัดการจัดการ และหาทางสนับสนุนผู้ประกอบการผลิตรถยนต์ที่หลากหลายมากขึ้น

อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดกรณีในลักษณะนี้ขึ้นบ่อยกับค่ายรถยนต์หลายแห่ง กระทรวงอุตสาหกรรมจะนัดหารือกับผู้ประกอบการหรือไม่นั้น รมว.อุตสาหกรรม ยอมรับว่า ที่ผ่านมาก็ได้มีการหารือร่วมกันกับองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ เจโทร (JETRO) และหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ (JCC) ไปแล้ว โดยยืนยันว่า รัฐบาลพร้อมให้ความช่วยเหลือภาคเอกชนจากญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง

“ที่ผ่านมาได้คุยกับทางเอกชนญี่ปุ่นไปแล้ว ก็มีข้อเสนอหลายอย่าง ซึ่งรัฐบาลก็กำลังพิจารณา แต่สิ่งที่เป็นห่วงตอนนี้คือ ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับซัพพลายเชน ส่วนใหญ่เป็นเอสเอ็มอีของไทย จึงขอความร่วมมือว่าให้ช่วยเหลือกัน เพราะตอนนี้เทรนความต้องการรถยนต์เปลี่ยนไป โดยอยากให้มองว่า แม้จะมี EV เข้ามา มุมบวกก็มีกับ ICE เหมือนกัน ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมก็พยายามหาทางช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง” รมว.อุตสาหกรรม ยอมรับ

นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าวด้วยว่า ในสัปดาห์หน้าจะเดินทางไปร่วมงานเปิดโรงงานของจีเอซี ไอออน (GAC AION) ซึ่งผลิตรถยนต์ EV ในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยสะท้อนถึงการใช้ไทยเป็นฐานในการผลิตรถยนต์ EV ของภูมิภาค