นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ได้มีการปรับเป้าหมายการผลิตรถยนต์ปี 2567 อีกครั้ง หลังจากภาพรวมตลาดทั้งในและต่างประเทศได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย โดยเป้าหมายใหม่ที่ได้คาดการณ์มีดังนี้
รถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนตุลาคม 2567 มีทั้งสิ้น 118,842 คัน ลดลง 25.13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 โดยแบ่งการผลิตเพื่อส่งออกลดลง 7.00% และผลิตเพื่อขายในประเทศลดลง 51.70% ขณะที่ตัวเลขการผลิตรถยนต์ตั้งแต่เดือนมกราคม - ตุลาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,246,868 คัน ลดลง 19.28%
ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเดือนตุลาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 37,691 คัน ต่ำสุดในรอบ 54 เดือนนับตั้งแต่ยกเลิกล็อคดาวน์จากการระบาดโรคโควิด-19 เดือนพฤษภาคม 2563
สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อยอดขายรถในประเทศที่ลดลงเป็นผลมาจากการเข้มงวดในการให้กู้ซื้อรถยนต์ของสถาบันการเงินเป็นหลัก ส่งผลให้จำนวนบัญชีผู้กู้ซื้อรถยนต์ในไตรมาสสามมี 6,365,571 บัญชี ลดลงจากไตรมาสสอง 75,377 บัญชี และ ลดลงจากไตรมาสสามปี 2566 จำนวน 199,655 บัญชี ขณะที่จำนวนเงินหนี้รถยนต์ไตรมาสสาม 2,465,204 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสสอง 2.8% และลดลง 5.8% จากไตรมาสสามปี 2566
ด้านรถบรรทุก ตัวเลขการขายลดลงทรุดหนัก เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศที่ยังอ่อนแอเติบโตในอัตราต่ำและหนี้ครัวเรือนสูง ดัชนีภาคอุตสาหกรรมขยายตัวต่ำที่ร้อยละ 0.1 ในไตรมาสสาม
ขณะที่ยอดขายรถยนต์ในประเทศตั้งแต่เดือนมกราคม - ตุลาคม 2567 มีจำนวน 476,350 คัน ลดลง 26.24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ลดลงเป็นผลมาจากความเข้มงวดของสถาบันการเงิน และแม้ว่าในช่วงปลายเดือนนี้จะมีงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นภาพรวมตลาดให้มีความคึกคัก โดยประเมินว่ายอดจองรถภายในงานจะสูงกว่าปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามสถาบันการเงินจะยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่ออยู่ดี เนื่องจากอัตราส่วนของหนี้เสียยังสูงอยู่ ดังนั้นจึงประเมินว่าในปีนี้ เป้ายอดขายที่เคยประกาศไว้ว่าจะทำได้ 550,000 คัน ก็ลดลงเป็น 450,000 คัน
เดือนตุลาคม 2567 ไทยส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปได้ 84,334 คัน ลดลง 20.23% ส่วนตัวเลขส่งออกตั้งแต่เดือนมกราคม - ตุลาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 853,221 คัน ลดลง 8.02%
สำหรับปัจจัยที่มีผลกระทบต่อตลาดส่งออกคือสงครามอิสราเอลกับฮามาส ที่ต้องจับตาดูว่าจะขยายวงกว้างมากขึ้นหรือไม่ เพราะหากลุกลามก็จะกระทบกับตลาดในตะวันออกกลางและยุโรป นอกจากนั้นแล้วความขัดแย้งที่ต้องติดตามว่าจะกระทบเศรษฐกิจโลกคือสงครามยูเครนกับรัสเซียที่อาจขยายไปประเทศอื่นซึ่งกระทบการส่งออกรถยนต์และสินค้าอื่นๆ
นายสุรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดส่งออกในเดือนตุลาคม 2567 ลดลงทุกตลาด ไม่ว่าจะเป็นเอเชีย จีน ที่ภาพรวมเศรษฐกิจไม่ดี รวมไปถึงตลาดในยุโรป อัฟริกา ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง เนื่องจากสงครามขยายวงกว้าง ด้วยปัจจัยเหล่านี้จึงทำให้ส.อ.ท.ต้องปรับเป้ายอดส่งออก จากเดิมที่คาดว่าจะส่งออก 1,150,000 คัน ก็ปรับลดลงมาเหลือ 1,050,000 คัน
เดือนตุลาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่จำนวน 6,651 คัน ลดลง 32.19% โดยแบ่งเป็น
เดือนมกราคม - ตุลาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 82,304 คัน เพิ่มขึ้น 6.12% โดยแบ่งเป็น