ตามที่รัฐบาลมีแผนส่งเสริมให้เกิดการใช้ EV ในระยะเร่งด่วนระหว่างปีพ.ศ. 2565-2568 โดยประเด็นสำคัญอยู่ที่ EV ในกลุ่มราคาตํ่ากว่า 2 ล้านบาท หากเข้าโครงการจะได้รับเงินสนับสนุน 1.5 แสนบาทต่อคัน ภาษีสรรพสามิต 0% ขณะที่ภาษีนำเข้า EV ญี่ปุ่นจะลดจาก 20% เหลือ 0% โดยมีเงื่อนไขต้องผลิตในประเทศชดเชยในจำนวนเท่ากับการนำเข้ามา (1:1) ตั้งแต่ปี 2567 แต่ถ้าการผลิตล่าช้าไปเป็นปี 2568 ต้องผลิตคืนหนึ่งคันครึ่ง (1:1.5)
ปัจจุบันมีหลายผู้ประกอบการรถยนต์ที่เซ็นบันทึกความเข้าใจกับกรมสรรพสามิตเพื่อรับการสนับสนุนในโครงการนี้ ทั้ง เอ็มจี, เกรท วอลล์ มอเตอร์, บีวายดี, เนต้า และ ไมน์ ของ EA โดยทั้งหมดเป็น EV ราคาตํ่ากว่า 2 ล้านบาท
ทั้งนี้ ความเข้าใจแรกของทุกภาคส่วนคือ EV ที่เข้าโครงการนี้ ราคาขายปลีกที่บริษัทผู้ผลิตตั้งไว้จะต้อง ไม่เกิน 2 ล้านบาท (เพื่อรับส่วนลด 1.5 แสนบาท และแพกเกจภาษีต่างๆ) ทว่ากรมสรรพสามิต ชี้แจงล่าสุดว่า เงื่อนไขราคา 2 ล้านบาทนั้น หมายถึงราคาหลังหักส่วนลดแล้ว หรือเป็นราคาสุดท้ายที่ถึงมือผู้บริโภค ก็ได้รับสิทธิ์เช่นกัน
นั่นหมายความว่าบริษัทรถยนต์สามารถตั้งราคา EV ไว้เกิน 2 ล้านบาทได้ แต่ต้องคำนวณให้ดีว่าหลังรับส่วนลด 2-3 แสนบาทต่อคันแล้ว ราคาถึงมือผู้บริโภคจะต้องตํ่ากว่า 2 ล้านบาท จึงจะเข้าหลักเกณฑ์ของกรมสรรพสามิต
ดังนั้น Toyota bZ4X ที่โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เตรียมนำเข้ามาทำตลาดภายใต้สิทธิ์พิเศษนี้ ราคาขายจริงที่สำแดงกับกรมสรรพสามิต ในรุ่นมอเตอร์ 2 ตัว โตโยต้าต้องเกิน 2 ล้านบาทแน่นอน แต่ไม่ควรเกิน 2.3 ล้านบาท เพื่อให้มีช่องว่างเหลือเพียงพอหลังจากหักส่วนลดแล้ว ซึ่งโตโยต้าจะขาย bZ4X รุ่น 4WD ในราคากว่า 1.9 ล้านบาทได้
ทั้งนี้ ตามแผนงานระดับโลกของ โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน ที่ประกาศเปิดตัว EV 30 รุ่นภายในปี 2573 พร้อมประเดิมด้วยรถพลังงานไฟฟ้าตระกูล bZ ที่พัฒนาขายหลากหลายตัวถัง หรือจำนวน 7 โมเดลภายในปี 2568 ซึ่งรถรุ่นแรกของตระกูลที่จะทำตลาดคือเอสยูวีขนาดกลาง Toyota bZ4X
ในส่วนประเทศไทย โตโยต้าประกาศชัดเจนว่า เตรียมนำเข้า Toyota bZ4X มาทำตลาดภายในปี 2565 ส่วนหนึ่งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายขาย EV ทั่วโลก 3.5 ล้านคันในปี 2573 และเป็นการฉลองการดำเนินธุรกิจในไทยครบรอบ 60 ปีในปีนี้ พร้อมยืน ยันตัวตนในการสนับสนุนนโยบายรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลไทย
นายโนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า โตโยต้า มีแผนเปิดตัว Toyota bZ4X ภายในปีนี้ ยิ่งไปกว่านั้น โตโยต้าจะพยายามส่งเสริมให้มีการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศให้มากยิ่งขึ้น เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตหลัก สำหรับการประกอบรถยนต์ไฟฟ้าอีกหลากหลายรุ่นต่อไปในอนาคต
“ความมุ่งมั่นดังกล่าวสอดคล้องกับแนวทางของภาครัฐที่มุ่งเดินหน้าส่งเสริมการใช้พลังงานไฟฟ้า การพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว ตลอดจนการบรรลุเป้าหมายการลดคาร์บอนให้เป็นศูนย์” นายยามาชิตะ กล่าวสรุป
สำหรับ Toyota bZ4X เป็นเอสยูวีขนาดกลาง พัฒนาบนแพลตฟอร์ม e-TNGA มิติตัวถังยาว 4,690 มม.กว้าง 1,860 มม. สูง 1,650 มม.(รวมเสาอากาศ) ระยะฐานล้อ 2,850 มม. วางแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุ 71.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง
Toyota bZ4X รุ่นมอเตอร์ตัวเดียว ขับเคลื่อนล้อหน้า ให้กำลัง 201 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 256 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 8.4 วินาที ระยะทางวิ่ง 500 กม. คาดว่าราคาหลังหักส่วนลดจะอยู่ประมาณ 1.7-1.8 ล้านบาท
ส่วน Toyota bZ4X รุ่นมอเตอร์ 2 ตัว ขับเคลื่อนสี่ล้อ กำลังรวม 215 แรงม้า แรงบิดรวม 336 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 7.7 วินาที ระยะทางวิ่ง 460 กม. จากการชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้ง คาดราคาหลังหักส่วนลดแล้วกว่า 1.9 ล้านบาท
โดยเว็บไซต์ชื่อดัง Autolife thailand รายงานว่า โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ได้เพิ่มโควต้านำเข้า Toyota bZ4X ทั้งรุ่นมอเตอร์ตัวเดียว และมอเตอร์ 2 ตัว ในล็อตแรกได้รวม 230 คัน สามารถส่งมอบปลายปีนี้ได้ประมาณ 30 คัน ส่วนที่เหลือจะทยอยส่งมอบตั้งแต่ต้นปี 2566 เป็นต้นไป