นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิตเปิดเผยว่า กรมสรรพสามิตได้ลงนามข้อตกลงตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า กับ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด โดยบริษัทจะได้รับสิทธิลดอากรศุลกากร และลดภาษีสรรพสามิตตามขนาดความจุของแบตเตอรี่ ซึ่งจะมีการหารือเกี่ยวกับโครงสร้างรถยนต์อีกครั้ง เพื่อนำเข้ารถยนต์แบบพลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle: BEV) ในปี 2565 – 2566 และผลิตรถยนต์ BEV ในปี 2565 – 2568
ในจากการลงนามในครั้งนี้ ทำให้ปัจจุบันมีผู้ประกอบอุตสาหกรรมและผู้นำเข้าลงนามในข้อตกลงกับกรมสรรพสามิตแล้ว จำนวน 12 ราย แบ่งเป็น ผู้ประกอบอุตสาหกรรมและผู้นำเข้ารถยนต์ จำนวน 9 ราย และรถจักรยานยนต์ จำนวน 3 ราย
สำหรับปี 2566 กรมสรรพสามิตจะมีการลงนามร่วมกับค่ายรถยนต์ฮอนด้าอีกรายด้วย และจะมีการไปทาบทาม Tesla ผู้ประกอบการรถยนต์อีวีให้มาเข้าร่วมโครงการด้วย เนื่องจากรถยนต์อีวีรุ่นล่าสุดที่ได้มีการประกาศราคาออกมาก็เข้าข่ายได้รับส่วนลดจากแพ็กเกจมาตรการ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมากรมสรรพสามิตได้จ่ายเงินอุดหนุนให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับเงินอุดหนุนตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์แล้ว 1 ครั้ง จำนวนรวมทั้งสิ้น 540 คัน คิดเป็นเงินอุดหนุน 81 ล้านบาท
กรมสรรพสามิตยังอยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับเงินอุดหนุนตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์ ครั้งที่ 2 จำนวนรวมทั้งสิ้น 1,297 คัน คิดเป็นเงินอุดหนุนจำนวน 194 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมียอดจองและยอดขายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ขอรับสิทธิตามมาตรการ ภายในสิ้นปี 2565 รวมทั้งสิ้นกว่า 25,000 คัน
นอกจากนี้ กรมยังอยู่ระหว่างศึกษามาตรการแบตเตอรี่ ตามแนวนโยบายที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม (ESG) ซึ่งจะพยายามให้ผู้ประกอบการผลิตตามเงื่อนไข แล้วจะได้ส่วนลดอัตราภาษี โดยจะมีการหารือร่วมกับผู้ประกอบการอีกครั้ง เนื่องจากประเมินว่าอีก 8 ปีข้างหน้า จะมีปัญหาแบตเตอรี่จำนวนเยอะมาก ฉะนั้น หากมีมาตรการเข้าไปช่วยสนับสนุนการรีไซเคิล หรือนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ก็จะเป็นการดูแลสิ่งแวดล้อมอีกทางหนึ่ง