“ฟ้องชู้” ข้อกฎหมายที่ถือเป็นไม้ตายจัดการคนนอกใจ เห็นผลไวกว่ารอเวรกรรม เพราะหากคู่สมรส มีการคบชู้ นอกจากเป็นเหตุในการหย่าร้างแล้ว ผู้เป็นชู้กัน ทั้งคู่ยังมีความผิดที่จะต้องจ่ายเงินเป็นค่าทดแทนอีกด้วย โดยล่าสุด นักแสดงสาว "หนิง ปณิตา ธรรมวัฒนะ" ได้ยอมรับผ่านทางรายการโทรทัศน์ว่า ยังไม่ได้เซ็นใบหย่ากับสามี "จิน จรินทร์ ธรรมวัฒนะ" เพราะอยู่ระหว่างรอเซ็นข้อตกลงเรื่องค่าเลี้ยงดูบุตร แต่ขณะนี้ได้ดำเนินการ "ฟ้องชู้" เรียบร้อยแล้ว
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1523 ระบุว่า เมื่อศาลพิพากษาให้หย่ากันเพราะเหตุสามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ ตามมาตรา 1516 (1) ภริยา หรือสามี มีสิทธิได้รับค่าทดแทน จากสามี หรือภริยาและจากผู้เป็นชู้ แต่หากคู่สมรสรู้เห็นเป็นใจในการคบชู้นั้นจะฟ้องร้องไม่ได้
ซึ่งการจ่ายค่าทดแทน (มาตรา 1525) อาจจ่ายครั้งเดียว หรือจ่ายเป็นงวดๆขึ้นกับการวินิจฉัยของศาล โดยการเรียกค่าทดแทน ต้องคำนึงถึงรายละเอียดดังต่อไปนี้
หลักพิจารณา ในการกำหนดค่าทดแทนฟ้องชู้
ซึ่งหากมีฐานะทางสังคมสูง การศึกษาสูง หน้าที่การงานดี ก็ย่อมมีค่าทดแทนสูงตามไปด้วย
โดยศาลจะพิจารณาจากองค์ประกอบเหล่านี้ เพื่อกำหนดค่าทดแทน ว่าการคบชู้นั้น ก่อให้เกิดความเสียหาย ต่อชื่อเสียง และครอบครัวมากน้อยแค่ไหน และหากดำเนินการฟ้องชู้ โดยไม่ประสงค์ฟ้องหย่า จะไม่สามารถเรียกค่าทดแทนจากคู่สมรสที่คบชู้ได้
หลักฐานประกอบการฟ้องชู้
เช่น หนังสือรับรองการทำงาน ,สลิปเงินเดือน ,วุฒิการศึกษา ,หลักฐานแสดงการประกอบธุรกิจ ,หลักฐานเกี่ยวกับทรัพย์สินและธุรกิจ ,หลักฐานที่แสดงถึงฐานะทางสังคม เช่น หนังสือรับรองตำแหน่ง
เช่น ภาพถ่าย บทสนทนา ของครอบครัวที่มีความแน่นแฟ้น ก่อนเกิดการคบชู้ และหลักฐาน ปัญหาที่เกิดขึ้นหลังการคบชู้เช่น บทสนทนาที่มีการทะเลาะเบาะแว้ง, หลักฐานการทำร้ายร่างกาย เป็นต้น
ทั้งนี้ การฟ้องชู้ ถือเป็นคดีแพ่ง ต้องพิจารณาคดีที่ ศาลเยาวชนและครอบครัว โดยกระบวนพิจารณาที่ จะเน้นการไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความกัน มากกว่าการจะต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด