ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถ EV ได้รับความนิยมอย่างสูง โดยรายงานยอดจดทะเบียนรถยนต์ของกรมขนส่งทางบก ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงธันวาคม 2566 พบว่ารถยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์ รย.1 รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน มีจำนวนยอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 75,690 คัน จากยอดจดทะเบียนรถยนต์นั่งทั่วประเทศ 634,948 คัน
ซึ่งหัวชาร์จของรถยนต์ไฟฟ้ามีอยู่หลากหลายประเภท หากผู้ใช้งานไม่มีความเข้าใจอาจส่งผลให้มีการจองหัวชาร์จผิดประเภทได้ ล่าสุดเพจ สภาองค์กรของผู้บริโภค ได้ให้ความรู้แก่ผู้ใช้งานรถไฟฟ้า ถึงลักษณะหัวชาร์จในแต่ละแบบ วิธีสังเกตความแตกต่าง รวมถึงการใช้งานในรถยนต์แต่ละรุ่น
หัวชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า 3 ประเภท
หัวชาร์จแบบธรรมดา (Normal Charge)
จะชาร์จจากเต้ารับภายในบ้านโดยตรง หรือชาร์จช้า (Slow Charge) แบ่งออกเป็นหัวแบบ Type 1 และ หัวแบบ Type 2
หัวชาร์จแบบชาร์จเร็ว (Fast Charge)
แบ่งออกเป็น หัวแบบ CSS Combo Type 1, หัวแบบ CSS Combo Type 2 และหัวแบบ CHAdeMO ที่นิยมในญี่ปุ่น
หัวชาร์จที่ใช้เฉพาะรถยนต์บางประเภท เช่น หัวชาร์จ NACS ของรถยนต์ Tesla หรือ GB/T ของจีนที่พัฒนาขึ้นเอง
ทั้งนี้ สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะแต่ละยี่ห้ออาจวางตำแหน่งหัวชาร์จไม่เหมือนกัน และบางคันมีหัวชาร์จที่ใช้เฉพาะรถยนต์บางประเภท เช่น รถยนต์ยี่ห้อเทสล่า (Tesla) จะไม่ค่อยพบปัญหา เพราะผู้ซื้อจะรู้ว่าลักษณะหัวชาร์จเป็นแบบไหน
รถยนต์ไฟฟ้าแต่ละรุ่นใช้ค่าแรงดันไฟฟ้าและค่ากระแสไฟฟ้าแตกต่างกัน เนื่องจากความสามารถในการรับไฟ (On-Board Charger) ของรถแต่ละรุ่นจะแตกต่างกัน เช่น บางรุ่นใช้ระดับแรงดัน Fast charge ที่ 800 โวลต์ ทั้งนี้ให้ดูดามคุณสมบัติของรถยนต์ที่ให้มาพร้อมคู่มือ