มท.1 สั่งด่วนระดมช่วยน้ำท่วมแม่สาย แม่อาย มอบผู้ว่าฯเกาะติด-แจ้งเตือน

11 ก.ย. 2567 | 04:36 น.
อัพเดตล่าสุด :11 ก.ย. 2567 | 04:39 น.

"อนุทิน ชาญวีรกูล" รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย สั้งทุกหน่วยงาน ระดมเข้าช่วยเหลือเหตุน้ำท่วมในพื้นที่ แม่สาย แม่อาย มอบผู้ว่าฯ จังหวัดเชียงราย และเชียงใหม่ เกาะติดสถานการณ์ แจ้งเตือน จัดแผนลดผลกระทบ

วันนี้ (11 กันยายน 2567) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ได้กำชับไปยังผู้บริหารทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงมหาดไทย เข้าสนับสนุนให้ความช่วยเหลือประชาชนที่กำลังเดือดร้อนจากน้ำท่วมหนักในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย และ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ พร้อมกำชับให้ความสำคัญกับการเข้าช่วยเหลือชีวิตประชาชน

ทั้งนี้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และเชียงราย ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมดำเนินการตามแผนป้องกันสาธารณภัย ลดผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนให้ได้มากที่สุด หลังจากที่ได้รับรายงานจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ว่า ขณะนี้มีฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ทั้ง 2 จังหวัด โดยเฉพาะใน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่, อ.แม่สาย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย

ภายหลังได้รับทราบว่าในส่วนของ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่นั้น ได้เกิดเหตุดินสไลด์ และมีรายงานว่ามีประชาชนเสียชีวิตจากเหตุดังกล่าว 1 ราย และยังสูญหายอีก 4 คน

นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้ในพื้นที่ อ.แม่สาย มีสถานการณ์น้ำที่ค่อนข้างรุนแรง มีประชาชนติดอยู่บนหลังคา เจ้าหน้าที่ใช้เรือเข้าช่วยเหลือลำบาก ผมขอให้หน่วยงานของมหาดไทย เช่น ปภ.ที่มีอุปกรณ์เครื่องจักรที่เอื้ออำนวยพิจารณาเข้าช่วยเหลือ ประชาชนอย่างเต็มที่ จากที่ได้รับรายงาน ปภ. พร้อมเข้าช่วยเหลือแต่ต้องพิจารณาความปลอดภัยของผู้เข้าช่วยเหลือด้วย 

“ขอกำชับให้ผู้ว่าฯเชียงใหม่ และเชียงราย ให้ติดตามข้อมูลน้ำอย่างใกล้ชิด ในสถานการณ์ที่มีภัยพิบัติขอให้ท่านอยู่ในพื้นที่ พร้อมเป็นตัวกลางในการประสานงานกับทุกภาคส่วนเพื่อจัดการปัญหากรณีเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น ทางด้านเหตุดินสไลด์ใน อ.แม่อาย เชียงใหม่ผมขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสียจากภัยพิบัติในครั้งนี้ ขอย้ำให้พื้นที่ช่วยกันดูแลเรื่องการให้ข้อมูลข่าวสารแจ้งเตือนระวังอันตรายอย่าให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก" 

สำหรับรายงานผลกระทบจากน้ำท่วมล่าสุด ปภ. รายงานว่าได้เกิด สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ตาก สุโขทัย พิษณุโลก อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา มีบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 14,328 ครัวเรือน