ถอดบทเรียนธุรกิจขายตรง แชร์ลูกโซ่ลวงโลกข้ามชาติ สู่กรณีฉาว "ดิไอคอนกรุ๊ป"

17 ต.ค. 2567 | 07:00 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ต.ค. 2567 | 11:36 น.

ย้อนรอยแชร์ลูกโซ่ในธุรกิจขายตรงสร้างความเสียหายมหาศาลทั่วโลก พร้อมบทเรียนสำคัญจากคดีดังในต่างประเทศที่สะท้อนถึงปัญหาของระบบธุรกิจที่แสวงหาประโยชน์จากผู้บริโภค

ปัญหาการฉ้อโกงในลักษณะ "แชร์ลูกโซ่" ไม่ใช่เรื่องใหม่ใน "ธุรกิจขายตรง" ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ธุรกิจเหล่านี้ชักชวนให้ผู้คนลงทุนเป็นตัวแทนจำหน่าย โดยให้สัญญาว่าจะได้กำไรมากมาย แต่สุดท้ายผู้ลงทุนกลับพบว่าตัวเองติดอยู่ในวงจรที่ไม่สามารถทำกำไรได้จริง

ในประเทศไทย ปัญหานี้ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างกรณีล่าสุด "ดิไอคอนกรุ๊ป" ซึ่งได้รับความสนใจจากสาธารณชนอย่างกว้างขวางเนื่องจากส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง

ดิไอคอนกรุ๊ป ถูกกล่าวหาว่าใช้ระบบธุรกิจที่คล้ายคลึงกับแชร์ลูกโซ่ มีผู้เสียหายจำนวนมากที่เข้าร่วมระบบโดยหวังว่าจะได้รับผลตอบแทนจากการขายสินค้าและการเชิญชวนผู้อื่นเข้ามาร่วมในระบบ แต่กลับพบว่ารายได้ที่คาดหวังนั้นไม่เป็นไปตามที่สัญญาไว้ กลุ่มผู้เสียหายบางส่วนเปิดเผยว่า ได้ลงทุนซื้อสินค้าราคาสูงเพื่อให้มีสิทธิ์ในการชวนคนอื่นเข้ามาร่วมตามเงื่อนไขที่ทางองค์กรกล่าวอ้าง แต่ท้ายที่สุดไม่สามารถขายสินค้าได้และสูญเสียเงินจำนวนมากรวมมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท

 

ล่าสุด เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานก่อนขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 18 คน ที่เกี่ยวข้องกับคดี ดิไอคอนกรุ๊ป ในข้อหา "ร่วมฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ" โดยเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวผู้ต้องหาบางรายมาสอบปากคำที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งการดำเนินคดีในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการจัดการกับปัญหาการฉ้อโกงในระบบธุรกิจที่ผิดกฎหมาย

สถานการณ์ของ ดิไอคอนกรุ๊ป ในประเทศไทยไม่ใช่ครั้งแรกที่ธุรกิจแชร์ลูกโซ่สร้างความเสียหายให้กับสังคมไทย ในอดีตเคยมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นหลายครั้ง เช่น กรณีของ ยูฟัน (UFUN) ที่หลอกลวงผู้คนให้ร่วมลงทุนในธุรกิจที่อ้างว่าจะได้รับผลกำไรจากการขยายเครือข่ายการขายสินค้า ซึ่งในที่สุดกลายเป็นการฉ้อโกงและสร้างความเสียหายทางการเงินจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีกรณีของ แชร์แม่ชม้อย ที่เป็นที่รู้จักในวงกว้างในประเทศไทย

 

กรณีศึกษาแชร์ลูกโซ่จากต่างประเทศ

กรณีศึกษาจากต่างประเทศยังแสดงให้เห็นว่าการฉ้อโกงในรูปแบบแชร์ลูกโซ่ไม่ใช่ปัญหาเฉพาะที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเท่านั้น หนึ่งในกรณีที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ Herbalife ในสหรัฐอเมริกา ในปี 2557 บริษัทนี้ถูกกล่าวหาว่าดำเนินธุรกิจในลักษณะที่เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ โดยเน้นการหาผู้เข้าร่วมใหม่มากกว่าการขายสินค้าแก่ผู้บริโภคทั่วไป แม้ว่าบริษัทจะไม่ได้ถูกดำเนินคดีในข้อหาแชร์ลูกโซ่ แต่ Herbalife ก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายจำนวนมากกว่า 6,600 ล้านบาท และถูกกำกับดูแลให้ปรับปรุงรูปแบบธุรกิจ

นอกจากนี้ยังมีกลโกงลักษณะเดียวกันในระดับโลกเช่น OneCoin ซึ่งก่อตั้งโดย Ruja Ignatova ซึ่งใช้การชักชวนคนลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลที่ไม่มีอยู่จริง โครงการนี้ถูกมองว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ขนาดใหญ่ ทำให้ผู้คนจำนวนมากทั่วโลกสูญเสียทรัพย์สินจำนวนมากก่อนที่โครงการจะล่มและผู้ก่อตั้งหลบหนีไป

TelexFree ก็เป็นอีกหนึ่งกรณีที่สำคัญในสหรัฐอเมริกา ระบบนี้ใช้การหลอกลวงผู้คนให้ลงทุนในระบบ VoIP ที่อ้างว่ามีโอกาสในการทำกำไรสูง แต่กลับใช้เงินจากผู้เข้าร่วมใหม่มาจ่ายให้กับผู้เข้าร่วมเก่า เป็นการปิดบังความจริงว่าไม่มีธุรกิจที่สร้างรายได้จริง ระบบนี้ล่มลงเมื่อไม่สามารถดึงดูดผู้เข้าร่วมใหม่ได้เพียงพอ ทำให้ผู้เสียหายต้องสูญเงินเป็นจำนวนมาก

สิ่งที่ทำให้ "แชร์ลูกโซ่" หรือ "Ponzi Scheme" ยังคงอยู่ในสังคมคือความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโอกาสในการทำกำไรสูง หลายคนมักถูกหลอกลวงด้วยการโฆษณาที่น่าเชื่อถือและการสัญญาว่าจะได้รับผลตอบแทนที่น่าสนใจ แต่เมื่อระบบไม่มีความยั่งยืนทางการเงิน ความเสียหายจะเกิดขึ้นในวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบที่มีการชักชวนผู้เข้าร่วมจำนวนมากเข้ามาแทนที่ผู้เสียหายก่อนหน้า

การแก้ไขปัญหาดังกล่าวจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากภาครัฐในการสร้างกฎหมายและระบบควบคุมที่เข้มงวด รวมถึงการให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับลักษณะของแชร์ลูกโซ่และการหลีกเลี่ยงการลงทุนในระบบที่น่าสงสัย สุดท้าย การตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนอย่างละเอียด และการพิจารณาโอกาสทางธุรกิจที่แท้จริงจะช่วยป้องกันความเสี่ยงในการเสียทรัพย์

 

ดิไอคอนกรุ๊ป และกรณีศึกษาที่คล้ายกันจากต่างประเทศสะท้อนให้เห็นถึงรูปแบบการทำงานของแชร์ลูกโซ่ ซึ่งเป็นระบบที่สร้างรายได้จากการชักชวนคนใหม่เข้ามาร่วม มากกว่าการขายสินค้าหรือบริการที่มีมูลค่าจริง ระบบดังกล่าวมักจะสัญญาผลตอบแทนที่สูงเกินจริง แต่ในความเป็นจริงรายได้กลับขึ้นอยู่กับการหาผู้เข้าร่วมใหม่เข้ามา เมื่อระบบเริ่มไม่มีผู้เข้าร่วมใหม่เพียงพอ รายได้ของผู้ที่เข้าร่วมก่อนหน้าจะลดลงและสุดท้ายระบบจะล่ม ส่งผลให้ผู้เข้าร่วมจำนวนมากสูญเสียเงินทุนมหาศาล