การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 31 หรือ APEC 2024 ณ กรุงลิมา ประเทศเปรู ซึ่งจัดขึ้นช่วงระหว่างวันที่ 13-16 พฤศจิกายน 2567 ไทยได้เน้นการกระชับความร่วมมือเศรษฐกิจในหลายด้าน รวมถึงแสดงบทบาทในการพัฒนาเศรษฐกิจยั่งยืน โดยมีนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในวันที่ 13 พฤศจิกายน ทางคณะผู้แทนจากไทยได้พบปะกับรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นเพื่อหารือการกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น โดยญี่ปุ่นได้ลงทุนในประเทศไทยจำนวนมาก ในช่วงนี้การลงทุนมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและพลังงานทางเลือกอื่นๆ ซึ่งเป็นโอกาสให้ไทยพัฒนาในด้านการผลิตพลังงานสีเขียว ทั้งนี้ ญี่ปุ่นยังได้แสดงความสนใจในการขยายความร่วมมือในกรอบอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งไทยและญี่ปุ่นมีบทบาทสำคัญในเรื่องการบริหารจัดการน้ำ
นอกจากนี้ รัฐมนตรีทั้งสองประเทศยังได้หารือเกี่ยวกับกรอบความร่วมมือในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ที่มุ่งพัฒนาการจัดการน้ำและการป้องกันปัญหา เช่น การค้ามนุษย์และยาเสพติด ซึ่งไทยเห็นว่าความร่วมมือในกรอบดังกล่าวจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมในภูมิภาคอย่างยั่งยืน
ด้าน นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การประชุม APEC ครั้งนี้มีวาระสำคัญ 3 ประการที่ไทยจะผลักดัน ได้แก่ การขยายเขตการค้าเสรีเอเชียแปซิฟิก (FTAAP) ความเท่าเทียมทางสังคม และการสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัล โดย FTAAP เป็นนโยบายที่ไทยได้เริ่มตั้งแต่เป็นเจ้าภาพ APEC ในปี 2565 เพื่อเปิดโอกาสให้การค้าขายและการลงทุนในภูมิภาคนี้เติบโตได้อย่างยั่งยืน
ในเรื่องความเท่าเทียม ไทยย้ำถึงความสำคัญในการขจัดความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม เช่น การประกันสุขภาพถ้วนหน้า และการสนับสนุนสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายที่ไทยดำเนินการภายในประเทศอยู่แล้ว และไทยหวังว่าแนวทางนี้จะได้รับการสนับสนุนและขยายผลในระดับภูมิภาค
การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ไทยให้ความสำคัญ โดยมุ่งผลักดันการค้าออนไลน์ การพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีดิจิทัลต่างๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจใหม่ของหลายประเทศในเอเชียแปซิฟิก
นอกจากนี้ ไทยยังได้เน้นถึงความสำคัญของเศรษฐกิจแบบยั่งยืนหรือ BCG (Bio-Circular-Green Economy) ซึ่งเป็นแนวคิดที่ไทยริเริ่มในปี 2565 และได้รับการยอมรับจากสมาชิก APEC โดยในปีนี้ ไทยจะมอบรางวัล BCG Award ให้แก่เขตเศรษฐกิจที่มีผลงานโดดเด่นในการดำเนินนโยบายที่สอดคล้องกับแนวทาง BCG นี้ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
การประชุมครั้งนี้ยังเปิดโอกาสให้ไทยได้พบปะกับภาคเอกชนที่มีบทบาทสำคัญในภูมิภาคนี้ รวมถึงบริษัทใหญ่จากสหรัฐฯ และประเทศชั้นนำอื่นๆ ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่ไทยจะแสดงความพร้อมในการร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
ในช่วงการประชุมปิดหรือการประชุมแบบ retreat ที่ผู้นำแต่ละประเทศจะได้แสดงวิสัยทัศน์อย่างใกล้ชิด ไทยคาดหวังว่าประเด็นการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนจะเป็นที่สนใจและได้รับการสนับสนุนจากผู้นำเขตเศรษฐกิจอื่นๆ เพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจของภูมิภาคให้มั่นคงและมีเสถียรภาพ
การประชุม APEC ครั้งที่ 31 ณ กรุงลิมา เปรู ถือเป็นอีกครั้งที่ไทยได้แสดงบทบาทเชิงรุกในการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยเน้นการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการค้าเสรี การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล และการพัฒนาเศรษฐกิจยั่งยืน ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนถึงนโยบายที่ไทยยึดมั่นเพื่อพัฒนาประเทศ
ข้อมูลจาก กระทรวงการต่างประเทศ