นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และโฆษกกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศให้วันที่ 14 ตุลาคม 2565 เป็นวันหยุดราชการกรณีพิเศษ ส่งผลให้ช่วงวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีวันหยุดต่อเนื่อง จำนวน 4 วัน คือระหว่าง 13 – 16 ตุลาคม 2565
ทั้งนี้กรมฯจึงขอความร่วมมือผู้ประกอบการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุกหลีกเลี่ยงการขนส่งสินค้าและงดการใช้รถที่ไม่มีการบรรทุกสินค้า (รถเปล่า) ในช่วงวันดังกล่าว เพื่อลดปัญหาการจราจร ลดโอกาสเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุรุนแรง เนื่องจากมีการคาดการณ์ปริมาณการเดินทางของประชาชนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับการเดินทางในช่วงเวลาปกติ ทำให้ปริมาณยานพาหนะที่ใช้บนท้องถนนมีความคับคั่งและมีโอกาสก่อให้เกิดอุบัติเหตุเพิ่มสูงขึ้นปกติ
นอกจากนี้กรมการขนส่งทางบก ได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการขนส่งด้วยรถบรรทุกไม่ประจำทาง รถบรรทุกส่วนบุคคล รวมถึงองค์กรด้านการขนส่งสินค้า 30 แห่ง ประกอบด้วย สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย, สมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย, สมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทย, สมาคมขนส่งสินค้าภาคอีสาน, สมาคมผู้ประกอบการขนส่งแหลมฉบัง ชลบุรี, สมาคมขนส่งสินค้าเพื่อการนำเข้าและส่งออก, สมาคมผู้ประกอบการรถเครน, สมาคมโลจิสติกส์และขนส่งภาคใต้, สมาคมผู้ประกอบธุรกิจวัตถุอันตราย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย, สมาคมขนส่งภาคตะวันออก
ชมรมขนส่งสินค้าท่าเรือแหลมฉบัง, สมาคมรถบรรทุกภาคตะวันตก, สมาคมผู้ประกอบการรถบรรทุกน้ำมันแห่งประเทศไทย, สมาคมผู้ประกอบการขนส่งทั่วไทย, สมาคมขนส่งสินค้าจังหวัดตาก, ชมรมรถบรรทุกจังหวัดลำปาง, สมาคมผู้ประกอบการขนส่งเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม, สมาคมไทยโลจิสติกส์และการผลิต, สมาคมผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ, สมาพันธ์โลจิสติกส์ไทย, สมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย, สมาคมโลจิสติกส์และขนส่งไทย, สมาคมการค้าโลจิสติกส์ไทยแห่งอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง, สหพันธ์การขนส่งทางรถบรรทุกแห่งอาเซียน, องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศ, สมาคมตัวแทนออกของรับอนุญาตไทย และผู้ประกอบการขนส่ง
อย่างไรก็ตามกรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้รถ แนะนำให้ผู้ประกอบการขนส่งดูแลกวดขันผู้ขับรถให้ปฏิบัติดังนี้ 1. กำชับให้ผู้ขับรถขับด้วยความระมัดระวัง ใช้ความเร็วตามกฎหมายกำหนด ให้ผู้ขับรถพักผ่อนอย่างเพียงพอ2. ตรวจสภาพความมั่นคงแข็งแรงของตัวรถและอุปกรณ์ส่วนควบด้านความปลอดภัยของรถบรรทุก รถลากจูง รถพ่วง ก่อนใช้งานทุกครั้ง
3. ผู้ขับรถบรรทุกต้องมีปริมาณแอลกอฮอล์ในลมหายใจเป็นศูนย์ 4. ผู้ประกอบการขนส่งที่มีการติดตั้งระบบ Global Positioning System (GPS) ในรถของตนเองให้ติดตามการใช้ความเร็วของรถบรรทุกอย่างต่อเนื่องผ่าน Application DLT-GPS แจ้งเตือนผู้ขับรถเมื่อพบว่ามีการใช้ความเร็วเกินกำหนด รวมทั้งหลีกเลี่ยงการจอดรถทิ้งไว้บนไหล่ทาง และให้เดินรถเฉพาะช่องเดินรถซ้ายสุดเท่านั้น