กรมทางหลวงร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการลงพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือประชาชน พร้อมเร่งระบายน้ำบำรุงรักษาเส้นทางที่ได้รับผลกระทบพร้อมติดตั้งป้ายเตือนและอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยแก่ผู้ใช้เส้นทาง ในขณะที่บางพื้นที่ก็มีการล้างทำความสะอาดถนน ทางลอดใต้สะพานหลังจากน้ำลดลงบ้างแล้ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้ได้รับความสะดวกปลอดภัยในการสัญจรโดยเร็วที่สุดอย่างต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง
ตามข้อสั่งการของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่มีความห่วงใย จากสถานการณ์ฝนตกหนักในหลายพื้นที่ พร้อมทั้งเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยประชาชนอย่างทันท่วงที พร้อมกันนี้กรมทางหลวง ได้ทำการสรุปสถานการณ์อุทกภัยและดินสไลด์บนทางหลวง โดย สถานการณ์ประจำวันที่ 14 ตุลาคม 2565 เวลา 12.30 น. พบทางหลวงถูกน้ำท่วม/ดินสไลด์ ในพื้นที่ 21 จังหวัด ได้แก่
กาฬสินธุ์, ขอนแก่น, ศรีสะเกษ, สุรินทร์, บุรีรัมย์, นครราชสีมา ,หนองบัวลำภู, อุบลราชธานี, ร้อยเอ็ด, มหาสารคาม, ยโสธร, นครปฐม, สระบุรี, ลพบุรี, สุพรรณบุรี, อ่างทอง, พระนครศรีอยุธยา, สิงห์บุรี, นครสวรรค์, อุทัยธานี และ ปราจีนบุรี จำนวน 51 สายทาง 74 แห่ง การจราจรผ่านไม่ได้ 30 แห่ง ดังนี้
1.ขอนแก่น จำนวน 3 แห่ง ได้แก่
2.ศรีสะเกษ จำนวน 8 แห่ง ได้แก่
3. นครราชสีมา จำนวน 1 แห่ง
4.หนองบัวลำภู จำนวน 1 แห่ง
5.อุบลราชธานี จำนวน 7 แห่ง
6.มหาสารคาม จำนวน 1 แห่ง
7.สระบุรี จำนวน 1 แห่ง
8.อ่างทอง จำนวน 2 แห่ง
9.พระนครศรีอยุธยา จำนวน 1 แห่ง
10. สิงห์บุรี จำนวน 4 แห่ง
11. นครสวรรค์ จำนวน 1 แห่ง
ทั้งนี้ กรมทางหลวงได้สั่งการให้ สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวงทั่วประเทศ เฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีพื้นที่ใดประสบปัญหา เจ้าหน้าที่จะเข้าพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนทันที ตามนโยบายนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม พร้อมกันนี้กรมทางหลวงได้ติดตั้งป้ายเตือนและอุปกรณ์ความปลอดภัย อุปกรณ์นำทาง ในบริเวณทางหลวงที่ถูกน้ำท่วม และเฝ้าระวังสถานการณ์จนกว่าจะคลี่คลาย
ขอให้ประชาชนผู้ใช้ทางโปรดใช้ความระมัดระวังในการเดินทาง ปฏิบัติตามป้ายเตือน ป้ายแนะนำ และคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด หากประชาชนต้องการสอบถามสภาพเส้นทาง สภาพการจราจร หรือ ต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อ ได้ที่สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวงในพื้นที่ และสายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง) และสามารถติดตามการรายงานสถานการณ์สภาพเส้นทางและเส้นทางเลี่ยงได้ที่ทวิตเตอร์กรมทางหลวง @prdoh1