คนไทยสร้างขยะอาหารอันดับ 2 ในอาเซียน แนะแต่ละช่วงวัยควรกินให้เหมาะสม

19 ธ.ค. 2567 | 21:50 น.

UNEP เผยคนไทยสร้างขยะอาหารอันดับ 2 ในอาเซียน สูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลก พร้อมกำหนดให้ทุกประเทศลดปริมาณขยะอาหารลง 50% ตามความต้องการอาหารในแต่ละช่วงวัย ภายในปี 2573

นางสาวธารินี จันทร์คง นักกำหนดอาหารวิชาชีพ โรงพยาบาลวิมุต กล่าวว่า จากรายงานล่าสุดของ Food Waste Index 2024 ของโครงการสิ่งแวดล้อมสหประชาชาติ (UNEP) เปิดเผยตัวเลขที่น่าตกใจ โดยรายงานว่าคนไทยสร้างขยะอาหารเฉลี่ยถึง 86 กิโลกรัมต่อคนต่อปี หรือคิดเป็นประมาณวันละ 240 กรัม มากเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกที่ 79 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ขณะที่ปัจจุบัน องค์การสหประชาชาติ ได้กำหนดเป้าหมายให้ทุกประเทศลดปริมาณขยะอาหารลง 50% ภายในปี 2573 

คนไทยสร้างขยะอาหารอันดับ 2 ในอาเซียน แนะแต่ละช่วงวัยควรกินให้เหมาะสม

โดยในห่วงโซ่อาหารทั้งหมด ผู้บริโภคคือผู้สร้างขยะอาหารมากที่สุด ขยะอาหารของประชากรโลกเกิดจากทั้งในครัวเรือและการกินอาหารนอกบ้าน และพฤติกรรมที่พบบ่อยคือ การกินอาหารไม่หมดจาน ตักอาหารหรือสั่งอาหารมากเกินไปตอนหิว และการเตรียมอาหารเกินพอดีเวลามีแขกหรืองานเลี้ยง นอกจากนี้ การซื้อวัตถุดิบมากักตุนโดยไม่วางแผนให้ดี ก็ทำให้อาหารเน่าเสียและกลายเป็นขยะในที่สุด

สำหรับการรับประทานอาหารให้เหมาะสมไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพ แต่ยังช่วยลดการทิ้งอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย โดยสารอาหารหลักที่จำเป็นคืออาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน ส่วนสารอาหารรอง ได้แก่ วิตามินและเกลือแร่ มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ร่างกายทำงานเป็นปกติ และแต่ละช่วงวัยของคนเรามีความต้องการสารอาหารที่แตกต่างกัน

ความต้องการอาหารในแต่ละช่วงวัย

  • เด็กวัยเรียน ควรได้รับอาหารในสัดส่วนที่เหมาะสมเพื่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดี โดยแนะนำข้าว-แป้ง 6-8 ทัพพี, ผัก 4 ทัพพี, ผลไม้ 3 ส่วน, เนื้อสัตว์ 6 ช้อนกินข้าว และนม 2-3 แก้วต่อวัน 

คนไทยสร้างขยะอาหารอันดับ 2 ในอาเซียน แนะแต่ละช่วงวัยควรกินให้เหมาะสม

  • คนวัยทำงาน ควรได้รับพลังงาน 1,600-2,400 กิโลแคลอรี ต่อวัน แบ่งเป็นข้าว-แป้ง 8-12 ทัพพี, ผัก 6 ทัพพี, ผลไม้ 4-6 ส่วน, เนื้อสัตว์ 6-12 ช้อนกินข้าว และนม 1 แก้ว โดยควบคุมน้ำตาล น้ำมัน ไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา และเกลือไม่เกินวันละ 1 ช้อนชา 
  • ผู้สูงอายุ ควรเลือกอาหารที่ย่อยง่าย เน้นข้าวไม่ขัดสี เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน โดยเฉพาะปลาและไข่ รวมถึงผักใบเขียวที่มีแมกนีเซียมสูง ดื่มน้ำ 6-8 แก้วต่อวัน และควรได้รับพลังงาน 1,400-1,800 กิโลแคลอรี ตามระดับกิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน

นางสาวธารินี กล่าวว่า การเลือกกินอย่างเหมาะสมและพอดีเป็นส่วนสำคัญในการช่วยลดขยะอาหารได้ โดยเริ่มต้นจากการปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การวางแผนการเลือกซื้ออาหารและดูวันหมดอายุก่อนซื้อ ไม่ตุนอาหารมากเกินจำเป็น หากเราซื้อวัตถุดิบมากักตุนไว้นานและมากเกินไปจนกินไม่ทัน สุดท้ายวัตถุดิบเหล่านั้นก็หมดอายุและต้องทิ้งจนกลายเป็นขยะอาหาร และควรกินอาหารให้หมดจาน 

คนไทยสร้างขยะอาหารอันดับ 2 ในอาเซียน แนะแต่ละช่วงวัยควรกินให้เหมาะสม

ทั้งนี้ ควรเริ่มตั้งแต่ควบคุมปริมาณอาหาร อย่าตักมามากเกินไป หรือสั่งอาหารเกินที่จะกินไหว นอกจากนี้ การกินอย่างยั่งยืน (Sustainable Food) ก็ยังช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมได้อีกทาง เช่น เปลี่ยนมาทานอาหารที่เน้นพืชหรือ Plant-based ประมาณ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ เนื่องจากการผลิตเนื้อสัตว์และเนื้อสัตว์แปรรูปมีต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมสูง ทั้งการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการใช้ทรัพยากรในการเลี้ยงสัตว์

"แม้การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจดูเหมือนยาก แต่เราสามารถเริ่มจากสิ่งง่าย ๆ เช่น กินให้หมดจาน ซื้ออาหารแต่พอดี และเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย" นางสาวธารินี จันทร์คง กล่าว และเสริมว่า “1 ใน 3 ของอาหารที่เรากินอยู่ทุกวันถูกทิ้งเสียไปโดยไม่จำเป็น หากทุกคนร่วมกันตระหนักในเรื่องนี้และหันมาเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ เราก็จะได้มีสุขภาพที่ดีและช่วยโลกลดขยะไปในตัวด้วย"