เหตุระทึก "เรือหลวงสุโขทัย" เอียงจนอับปางลงในที่สุด เกิดขึ้นช่วงดึกของคืนที่ 18 ธันวาคม 2565 จากคลื่นลมแรง จนทำให้น้ำทะเลบางส่วนไหลเข้าระบบเครื่องไฟฟ้าผ่านท่อไอเสียข้างเรือ เครื่องไฟฟ้าดับ เครื่องจักรใหญ่หยุด ไม่สามารถควบคุมเรือได้ น้ำเข้าภายในตัวเรืออย่างรวดเร็ว จนทำให้เรือเอียงและอับปางในเวลาต่อมา กำลังพลกว่า 110 นายที่อยู่บนเรือหลวงสุโขทัยได้รับการช่วยเหลือและปลอดภัย
ขณะที่มีรายงานเบื้องต้นว่าในเช้าวันนี้ พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เรียกประชุมพร้อมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ กับเจ้าหน้าที่ทหารในจุดเกิดเหตุ เพื่อประเมินสถานการณ์และหาแนวทางค้นหากำลังพลกว่า 30 นาย
จากข้อมูลเว็บไซต์กองเรือฟรีเกตที่ 1 ของกองทัพเรือ ระบุว่าเรือหลวงสุโขทัยใช้ในภารกิจของกองทัพเรือมากว่า 35 ปี ทั้งปราบเรือดำน้ำ ลาดตระเวนตรวจการณ์ คุ้มกันกระบวนเรือ สนับสนุนการยิงฝั่ง
แต่รู้หรือไม่ว่าอุบัติเหตุที่เกี่ยวกับเรือขนาดใหญ่เมื่อวานที่ผ่านมา ไม่ได้เกิดเพียงเหตุการณ์เดียว ฐานเศรษฐกิจ ได้รวบรวมเหตุการณ์ต่างๆ สรุปได้ว่า มี 3 เหตุการณ์ (รวมเรือหลวงสุโขทัย) ซึ่งพบว่าเกิดจากสาเหตุคล้ายกันคือ สภาพอากาศ โดยทางกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศฉบับที่ 9 เตือน 18-19 ธ.ค. นี้ 10 จังหวัดภาคใต้ ฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน
เหตุการณ์เเรก "เรือสันทัดสมุทร 2"
เวลา 18.00 น. วันที่ 18 ธ.ค. ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ชาวบ้านบริเวณพื้นที่หาดกำนัน ต.พุมเรียง อ.ไชยา พบเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ลอยลำกลางทะเลได้จุดพลุสีแดงขอความช่วยเหลือ ห่างจากชายฝั่งประมาณ 2 ไมล์ทะเล และประสบเหตุอับปางลงบริเวณทะเลหน้าอ่าวพุมเรียง ต.พุมเรียง อ.ไชยา กัปตันและลูกเรือ ทั้งหมด 9 คน ใช้เรือยางชูชีพเข้าฝั่ง มีชาวบ้านและกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาไชยาให้การช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลไชยา โดยมีฝ่ายปกครอง อ.ไชยา และตำรวจ สภ.ไชยา ร่วมตรวจสอบ
เรือสันทัดสมุทร 2 ทะเบียน 5500 01475 ประเภทเรือกลเดินทะเลเฉพาะเขต กว้าง 12.85 เมตร ยาวตลอดลำ 61 เมตร บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์บรรจุไม้ยางพารา จำนวน 36 ตู้และลูกเรือ 9 คน เดินทางออกจากท่าเรือ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.65 เวลา 06.44 น.มุ่งหน้ายังท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี
เเต่เเล้วเมื่อเรือแล่นถึงบริเวณหน้าอ่าวพุมเรียง ได้ประสบคลื่นทะเลสูง 3-4 เมตร และโซ่รัดตู้คอนเทนเนอร์เกิดขาดทำให้เรือเสียการทรงตัวเอียงลง จึงได้ลงเรือยางชูชีพออกมาได้ทัน ซึ่งจะมีการตรวจสอบหาสาเหตุดังกล่าวต่อไป
ทั้งนี้ทะเลอ่าวไทยมีคลื่นลมแรงความสูงของคลื่น 2-4 เมตร ประกอบกับมีน้ำทะเลหนุนสูง และในวันที่ 18 ธ.ค.65 จังหวัดสุราษฎร์ธานีได้มีการประกาศห้ามเรือทุกชนิดออกจากฝั่งทุกอำเภอที่ติดชายทะเลอ่าวไทย แต่เรือลำดังกล่าวได้ออกจากท่าเรือมาก่อนมีการประกาศแล้ว
ก่อนนี้เมื่อวันที่ 3 พ.ย.65 เวลาประมาณ 01.30 น.เรือสันทัดสมุทร 4 บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์บรรจุไม้ยางพาราจำนวน 42 ตู้ จาก จ.สุราษฎร์ธานี จะไปยังท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ได้ประสบเหตุอับปางลงบริเวณทะเลอ่าวไทย ห่างฝั่งประมาณ 8.6 ไมล์ จากฝั่งหาดทรายรี อ.เมือง จ.ชุมพร ไม่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ
เหตุการณ์ที่สอง "เรือบรรทุกน้ำมันยักษ์" คลื่นซัดเกยตื้น
วันที่ 18 ธ.ค.2565 จากคลื่นลมในทะเลอ่าวไทยที่มีกำลังแรงได้ซัด "เรือภัทรพัณณ์" เรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่มาเกินตื้นที่บริเวณชายหาดแหลมสนอ่อน แหลมสมิหลา ใกล้กับปากร่องน้ำทะเลสาบสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา เบื้องต้นทราบว่า สาเหตุมาจากสมอเรือขาดขณะจอดลอยลำอยู่ชายฝั่ง ลูกเรือปลอดภัย
เรือบรรทุกน้ำมันลำนี้มีขนาด 2,037 ตันกรอส เป็นเรือเปล่า ไม่มีสินค้าอยู่บนระวางของเรือ ตรวจสอบภายในตัวเรือยังไม่พบรอยทะลุ สำหรับการเหตุการณ์ครั้งนี้ เรือไม่สามารถใช้เครื่องจักรใหญ่ได้ เพราะส่วนท้ายเรือยังติดตื้นแต่ในส่วนของหัวเรือ ยังสามารถลอยตัวได้
การลากเรือลำนี้บริษัทขอรับการสนับสนุนเรือ tug จากท่าเรือน้ำลึกสงขลาช่วยเหลือในการดึงเรือแต่ด้วยสภาพคลื่นลมแรงมากจึงไม่สามารถดำเนินการได้ ในส่วนของศรชล.ภาค 2 ได้แจ้งบริษัท เพื่อทราบว่าสามารถให้การสนับสนุนเรือ tug ได้ตามร้องขอ ซึ่งทางบริษัทเรือจะประเมินสถานการณ์สภาพคลื่นลมเพื่อวางแผนการกู้เรือต่อไปหลังคลื่นลมสงบ