จุดความร้อนไทยลดลงเหลือ 1,176 จุด ฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐาน 30 จังหวัด

14 เม.ย. 2566 | 04:00 น.
อัปเดตล่าสุด :14 เม.ย. 2566 | 04:17 น.

GISTDA พบจุดความร้อนประเทศไทย 1,176 จุด ส่วนค่าฝุ่น PM2.5 เช้านี้เกินค่ามาตรฐานกว่า 30 จังหวัด เชียงรายควบสูงสุดทั้งจุดความร้อนและ PM2.5

สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ จีสด้า GISTDA เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของวันที่ 13 เมษายน 2566 ไทยพบจุดความร้อน 1,176 จุด ในขณะที่เพื่อนบ้านอย่างพม่ายังครองแชมป์อยู่ที่ 6,916 จุด, สปป.ลาว 3,061 จุด, เวียดนาม 271 จุด, กัมพูชา 68 จุด และมาเลเซีย 54 จุด 

ข้อมูลจากดาวเทียมระบุอีกว่า จุดความร้อนในประเทศไทย ยังคงพบในพื้นป่าอนุรักษ์มากที่สุด 570 จุด ตามด้วยป่าสงวนแห่งชาติ 392 จุด, พื้นที่เกษตร 122 จุด, พื้นที่ชุมชนอื่นๆ 52 จุด, พื้นที่เขต สปก. 36 จุด, และพื้นที่ริมทางหลวง 4 จุด ในส่วนของจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด 3 อันดับ คือ #เชียงราย 195 จุด, #เชียงใหม่ 175 จุด, #น่าน 129 จุด

ในขณะที่สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ยังคงเกินค่ามาตรฐานในหลายพื้นที่กว่า 30 จังหวัด กระจายกันไปตามภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพ ทั้งนี้ สถานการณ์ดังกล่าวประชาชนควรสวมหน้ากากอนามัย และงดกิจกรรมภายนอกอาคารสถานที่เพื่อป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจที่จะตามมา
 

 

ขณะที่กรุงเทพมหานคร คุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลาง แต่เมื่อดูของแต่ละเขตพบว่า บางบอน บางขุนเทียน บางแค ทุ่งครุ ภาษีเจริญ หนองแขม ราษฎ์บูรณะ จอมทอง บางนา ยานนาวา ตลิ่งชัน  พระโขนง ทวีวัฒนา มีค่าคุณภาพอากาศเกินมาตรฐานระดับสีส้ม เริ่มส่งผลต่อสุขภาพเช่นกัน
 

เฝ้าระวังการเกิดไฟป่าและความร้อน PM2.5

สิ่งหนึ่งที่ต้องเฝ้าระวังที่มักจะมากับเหตุการณ์ไฟป่าและจุดความร้อนคือ PM 2.5 สถานการณ์จุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลให้เกิด PM 2.5 ได้ในพื้นที่บริเวณชายแดนเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากกระแสลมที่จะพัดผ่านเข้ามา ประกอบกับภูมิประเทศทางภาคเหนือของไทยมีลักษณะเป็นหุบเขาแอ่งกระทะ จึงมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกับการพัดและการเคลื่อนตัวของกระแสลมในพื้นที่เป็นสำคัญ
 

 

ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ส่งผลกระทบให้กับระบบต่างๆ ของประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม และสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THEOS-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง 1 ในภารกิจสำคัญของระบบนี้ คือการสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหรือคาดว่าจะเกิดขึ้น ได้อย่างแม่นยำและทันท่วงที เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม รายละเอียดข้อมูลเฉพาะพื้นที่ท่านสามารถติดตามจากหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโดยตรงได้ GISTDA ยังคงติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่