วันที่ 23 มิถุนายน 2566 กรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ประชุมหารือเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือตามแผนป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร ประจำปี 2566 โดยนายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เผยว่า ภาพรวมการรับมือน้ำท่วมถือว่าพร้อม ส่วนการเตรียมการรับมือภัยแล้ง ปัจจุบันมีฝายดักน้ำ 17 แห่ง ที่จะช่วยซัพพอร์ตชาวเกษตรกร
"การระบายน้ำไม่ใช่แค่ความรับผิดชอบของสำนักการระบายน้ำเพียงหน่วยงานเดียว แต่ทุกหน่วยงานต้องช่วยกัน ขอให้ทุกท่านร่วมมือกันในปีนี้เพื่อคนกรุงเทพฯ"
สำหรับภาพรวมการรับมือปัญหาน้ำท่วมของกรุงเทพมหานคร รวมไปถึงความคืบหน้าในการแก้ไขจุดเสี่ยงต่างๆสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ดังนี้
ภาพรวมปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ
การแก้ไขปัญหาจากน้ำฝน
ในส่วนของมาตรการแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วนจากน้ำฝน โดยสำนักการระบายน้ำกับสำนักงานเขต
การเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำท่วมของสำนักการระบายน้ำและ 6 กลุ่มเขต ประกอบด้วย
นอกจากนี้ได้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์น้ำในลุ่มเจ้าพระยาและสถานการณ์ฝนตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เข้าแก้ไขสถานการณ์ มีเรดาร์ตรวจวัดสภาพอากาศ 2 แห่ง ที่หนองแขม และหนองจอก มีจุดตรวจวัดน้ำท่วม ดังนี้
นอกจากนั้นแล้วยังได้สั่งการไปยัง 11 หน่วยงานของกทม. ดังนี้
1. สำนักงบประมาณ ให้สนับสนุนการจัดหากระสอบทรายและสนับสนุนงบประมาณแก้ไขปัญหาน้ำท่วม
2. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้เตรียมการอำนวยความสะดวกประชาชน สนับสนุนเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ จัดหน่วยซับน้ำสนับสนุนพื้นที่ลุ่มต่ำของสำนักงานเขต
3. สำนักงานเขตทั้ง 50 เขต ให้ออกปฏิบัติงานเมื่อฝนตก ผู้อำนวยการเขตสั่งการแก้ไขปัญหา พร้อมรายงานสถานการณ์หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
4. สำนักงานประชาสัมพันธ์ ให้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ข่าวสาร วิเคราะห์ผลกระทบจากความคิดเห็นของประชาชน นำสื่อมวลชนลงพื้นที่
5. สำนักการจราจรและขนส่ง ให้ประชาสัมพันธ์ข่าวสารและสถานการณ์น้ำบนป้ายจราจรอัจฉริยะ สนับสนุนกล้อง CCTV และตรวจสอบความพร้อมของระบบวิทยุ TRUNK RADIO
6. สำนักอนามัย ให้บริการแนะนำด้านสุขภาพอนามัยและวิธีป้องกันโรคแก่ประชาชน
7. สำนักการโยธา ให้ตรวจสอบงานก่อสร้างสาธารณูปโภค รถไฟฟ้า อาคารสูง ป้ายโฆษณา จัดหน่วยซ่อมแซมเร่งด่วน (Best Service) พร้อมสนับสนุนเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์
8. สำนักการคลัง (กองโรงงานช่างกล) ให้บริการช่วยเหลือประชาชนกรณีรถยนต์ขัดข้อง จัดรถยก รถลากจูง อำนวยความสะดวกในการจราจร
9. สำนักการระบายน้ำ ให้แจ้งจุดเสี่ยง แก้ไขจุดเสี่ยง ระดับน้ำในคลองตามแผน เตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ และรายงานข้อมูลสถานการณ์น้ำ
10. สำนักเทศกิจ ให้ประสานแจ้งสภาพอากาศให้แก่สำนักงานเขต จัดรถสายตรวจและลงพื้นที่ จัดเตรียมรายชื่อผู้ติดต่อประสานงานพร้อมเบอร์โทรศัพท์กรณีฉุกเฉิน
11. สำนักสิ่งแวดล้อม ให้ดำเนินการรณรงค์การงดทิ้งขยะลงพื้นที่สาธารณะต่าง ๆ เช่น แม่น้ำ ลำคลอง ท่อระบายน้ำ เป็นต้น
นายวิศณุ กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุมกันในวันนี้ มีการถอดบทเรียนน้ำท่วมในจุดต่างๆของปีที่ผ่านมา จำนวน 737 จุดว่าเป็นอย่างไรบ้าง ให้แต่ละเขตเข้าใจว่ามีความพร้อมขนาดไหน ขาดสิ่งใดบ้าง จะให้ส่วนกลางทำงานบูรณาการร่วมกันในการเตรียมความพร้อมก่อนที่ฝนจะมา รวมทั้งติดตามข้อสั่งการ ความคืบหน้าของจุดเสี่ยงทั้ง 737 จุด ว่าเขตเตรียมความพร้อมถึงไหนแล้ว เพื่อให้มั่นใจว่าจุดเสี่ยงน้ำท่วมปีนี้ต้องดีขึ้นกว่าเดิม
นอกจากนั้นแล้วยังเตรียมซักซ้อมในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น บทบาทแต่ละหน่วยงานต้องทำอย่างไร สำหรับเขื่อนกั้นน้ำอยู่ระหว่างดำเนินการ ขณะนี้ได้ตีเขื่อนทั้งหมดแล้ว เหลือแค่ลงถุงซีเมนต์เพื่อเติมในช่องว่าง แต่คาดว่าทุกจุดจะแล้วเสร็จทันน้ำเหนือน้ำหนุนที่จะมาช่วงปลายเดือน ต.ค. - ต้นเดือน พ.ย. นี้ ส่วนจุดที่เป็นฟันหลอ ปัจจุบันเรารู้ว่าจุดอ่อนจากจุดฟันหลออยู่ตรงไหน จึงได้เตรียมกระสอบทรายและเตรียมความพร้อมไว้แล้ว
ส่วนจุดอ่อนที่มีน้ำท่วมเป็นประจำ เช่น บริเวณพัฒนาการ สวนหลวง ประเวศ ได้ดำเนินการแก้ไขหลายจุด อาทิ หมู่บ้านเมืองทองการ์เด้นส์ได้ประสานกับทางนิติฯ หมู่บ้าน ว่า ต้องช่วยเหลือตัวเองอย่างไร และกทม.จะช่วยรอบนอกอย่างไร หรือบริเวณทางลงมอเตอร์เวย์ศรีนครินทร์ ซึ่งเป็นจุดลุ่มต่ำ ได้ประสาน รฟม. แจ้งผู้รับจ้างเสริมผิวจราจรให้สูงขึ้น และบริเวณวงเวียนหลักสี่ ได้ทำรางกัตเตอร์ระบายน้ำ เพิ่มแก้มลิงบ่อพักน้ำ และเพิ่มกำลังสูบของปั๊ม โดยในภาพรวมถือว่ามีความพร้อม คาดว่าสถานการณ์น้ำปีนี้จะดีขึ้น
นอกจากนี้ได้มีการหารือเรื่องภัยแล้ง เนื่องจากปีนี้คาดการณ์ว่าฝนน้อยลง ดังนั้นต้องเตรียมการให้สมดุลกันระหว่างการพร่องน้ำกับการเก็บน้ำ โดยเฉพาะเขตรอบนอกที่มีการเกษตรอยู่ โดยกทม.ได้มีการจัดทำฝายดักน้ำ 17 แห่ง เพื่อชะลอและกักเก็บน้ำสำหรับการทำเกษตรกรรมในพื้นที่กรุงเทพฯ
นายวิศณุ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการประชุมวันนี้ ที่ประชุมได้รายงานถึงปรากฏการณ์ "เอลนีโญ" ซึ่งเป็นสภาวะปัจจุบันและจะต่อเนื่องไปจนถึงช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2567 ส่งผลให้อุณหภูมิของประเทศไทยมีแนวโน้มสูงกว่าค่าปกติเล็กน้อย ปีนี้คาดการณ์ปริมาณฝนรวมของทั้งประเทศในช่วงฤดูฝนจะน้อยกว่าปีที่ผ่านมา โดยข้อมูลจากสำนักการระบายน้ำ กทม. มีปริมาณฝนสะสมตั้งแต่ 1 มกราคม 2566 จนถึงปัจจุบัน อยู่ที่ 358 มิลลิเมตร