ปัจจุบันยังคงมีประชาชนผู้มีสิทธิบัตรทอง จำนวนมากที่เข้ามาอาศัยในกรุงเทพฯ เพื่อทำงานหรือเรียนหนังสือโดยไม่ได้ย้ายทะเบียนบ้านมาด้วย ทำให้ยังมีข้อจำกัดในการรับการรักษาพยาบาล คือแม้จะสามารถเข้ารับบริการที่หน่วยบริการปฐมภูมิได้ทุกแห่ง แต่หากเจ็บป่วยเกินศักยภาพหน่วยบริการและต้องส่งต่อยังต้องติดต่อกลับไปยังสถานพยาบาลแม่ข่ายและโรงพยาบาลตามสิทธิในต่างจังหวัด
ดังนั้น แนวทางที่จะทำให้ผู้มีสิทธิบัตรทองเข้าถึงบริการได้สะดวกที่สุดคือการย้ายสิทธิรักษาเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งขณะนี้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และกรุงเทพมหานครได้เชิญชวนผู้อาศัยในกรุงเทพฯ แต่สิทธิบัตรทองอยู่ที่ต่างจังหวัดหรือเรียกว่ากลุ่มประชากรแฝง ทำการย้ายสิทธิให้เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ
โดยลงทะเบียนกับหน่วยบริการปฐมภูมิ/หน่วยบริการประจำ ใกล้ที่ทำงาน ที่เรียน หรือที่พักอาศัย โดยไม่ต้องย้ายทะเบียนบ้าน โดย สปสช.และกรุงเทพมหานคร ได้เตรียมเครือข่ายหน่วยบริการรองรับการเข้ามาลงทะเบียนของกลุ่มประชากรแฝงที่คาดว่าจะมีจำนวนประมาณ 700,000 คน ทั้งส่วนของคลินิกชุมชนอบอุ่นเกือบ 300 แห่ง ศูนย์บริการสาธารณสุข 69 แห่งทั้ง 50 เขต
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เพื่อเป็นการลดข้อจำกัดของศักยภาพโรงพยาบาลในระบบรับส่งต่อ สปสช.และกรุงเทพมหานคร ได้ทำความร่วมมือกับโรงพยาบาลเอกชน เพื่อให้โรงพยาบาลเอกชนที่อยู่นอกระบบส่งต่อเข้ามาร่วมเป็นโรงพยาบาลรับส่งต่อผู้ป่วยจากหน่วยบริการปฐมภูมิทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งปัจจุบันมีโรงพยาบาลเข้าร่วมแล้ว 17 แห่ง
สำหรับการย้ายสิทธิบัตรทองจากต่างจังหวัดมาที่ กทม. นั้นสามารถทำได้ง่ายผ่าน 4 ช่องทาง คือ
เอกสารที่ใช้ดำเนินการย้ายสิทธิบัตรทองนั้นใช้เพียงบัตรประชาชนตัวจริงใบเดียว และหลักฐานอย่างหนึ่งอย่างใดที่แสดงถึงการอยู่อาศัยในกรุงเทพฯ ดังนี้