นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ปรับเกณฑ์สวัสดิการผู้สูงอายุว่า ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับเกณฑ์ใหม่ของกระทรวงมหาดไทย ที่ต่อไปผู้สูงอายุ ต้องพิสูจน์ความจน คือไม่มีรายได้ หรือรายได้ไม่พอ จึงจะได้รับเงินเบี้ยผู้สูงอายุ 600, 700, 800, 1,000 บาทต่อเดือน
เนื่องจากเบี้ยผู้สูงอายุนี้ ออกมาแบบมาตามกรอบความคิด "สวัสดิการถ้วนหน้า" สำหรับคนไทยผู้มีอายุเกิน 60 ปีทุกคน ที่ไม่ได้รับบำนาญหรือสวัสดิการอื่น เพื่อให้คนไทยที่ทำงานพัฒนาชาติบ้านเมืองมานานจนอายุ 60 ปี มีชีวิตอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี ไม่เป็นภาระลูกหลานมากนัก ลูกหลานจะได้มีชีวิตเจริญรุ่งเรืองได้ดี ไม่ต้องห่วงพ่อแม่ที่แก่เฒ่า
นายสุชาติ กล่าวว่า การเปลี่ยนจากแนวคิดสวัสดิการถ้วนหน้า มาเป็นระบบสงเคราะห์อนาถา ถือเป็นวิธีคิดแบบถอยหลังเข้าคลอง เป็นระบบศักดินาแบบเก่า เลือกปฏิบัติ เอาเงินรัฐบาลมาแจกแบบอุปถัมภ์ เพื่อสร้างบุญคุณแก่ประชาชน
การกล่าวอ้างว่ารัฐต้องใช้เงินกว่า 90,000 ล้านบาทต่อปี ดูแลผู้สูงอายุกว่า 10 ล้านคน ทำให้รัฐบาลไม่มีเงินนั้น เป็นวิธีคิดแบบรัฐเป็นนาย ประชาชนเป็นบ่าว ไม่ใช่วิธีคิดแบบเสรีนิยม ที่รัฐบาลเป็นผู้รับใช้ ประชาชนเป็นนายรัฐบาล
"ผมหวังว่า พี่น้องประชาชนผู้สูงอายุและลูกหลาน จะช่วยกันทักท้วง ให้เลิกระเบียบมหาดไทยอันนี้ และหากกระผมมีโอกาสเป็นรัฐบาลเอง ในอนาคตไม่นาน กระผมก็จะเปลี่ยนเบี้ยผู้สูงอายุจาก 600 ถึง 1,000 บาท เป็น 3,000 บาทต่อเดือน เป็นบำนาญของประชาชน ที่เป็นสิทธิของคนไทย รัฐบาลผู้จัดสรรเงินให้ไม่มีบุญคุณ ซึ่งจะใช้เงินปีละ 400,000 ล้านบาท โดยปรับโครงสร้างรายจ่ายของรัฐบาลที่ฟุ่มเฟื่อย, ซ้ำซ้อนและไม่จำเป็นลง" นายสุชาติ กล่าว