ภาคใต้ 5 จังหวัด ระวัง "น้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก" 25-30 พ.ย.นี้

23 พ.ย. 2566 | 08:05 น.
อัพเดตล่าสุด :23 พ.ย. 2566 | 08:05 น.

สทนช. ออกประกาศเตือนประชาชนในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคใต้ เฝ้าระวัง "น้ำท่วมฉับพลัน" และ "น้ำป่าไหลหลาก" เหตุมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ช่วงวันที่ 25-30 พ.ย.นี้ 

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกประกาศเตือนประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ ให้เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก หลังได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศแล้ว พบว่า มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

โดย สทนช.ได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ ตามฝนคาดการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) มีพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวังในพื้นที่ภาคใต้ ในช่วงวันที่ 25-30 พ.ย.66 ดังนี้

1.เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก

จังหวัดพัทลุง 

  • อำเภอเมืองพัทลุง กงหรา เขาชัยสน ตะโหมด บางแก้ว ปากพะยูน และป่าบอน

จังหวัดสงขลา 

  • อำเภอเมืองสงขลา กระแสสินธุ์ ระโนด สทิงพระ สิงหนคร จะนะ ควนเนียง หาดใหญ่ เทพา นาทวี นาหม่อม บางกล่ำ รัตภูมิ และสะบ้าย้อย

จังหวัดปัตตานี 

  • อำเภอเมืองปัตตานี กะพ้อ โคกโพธิ์ ทุ่งยางแดง ปะนาเระ มายอ แม่ลาน ไม้แก่น ยะรัง ยะหริ่ง สายบุรี และหนองจิก

จังหวัดยะลา 

  • อำเภอเมืองยะลา และรามัน

จังหวัดนราธิวาส 

  • อำเภอเมืองนราธิวาส จะแนะ เจาะไอร้อง ตากใบ บาเจาะ ยี่งอ ระแงะ รือเสาะ ศรีสาคร สุคิริน สุไหงโก-ลก และสุไหงปาดี

2.เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็ก

ที่มีปริมาณน้ำมากกว่า 80% บริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี ภูเก็ต กระบี่ ตรัง นครศรีธรรมราช และอ่างเก็บน้ำที่มีสถิติปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมากกว่าความจุเก็บกักที่มีความเสี่ยงน้ำล้นอ่างฯ และส่งผลกระทบให้น้ำท่วมบริเวณด้านท้ายน้ำ โดยเฉพาะเขื่อนบางลาง จังหวัดยะลา ให้พิจารณาบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม ไม่ให้เกิดผลกระทบหรือเกิดผลกระทบบริเวณท้ายเขื่อนน้อยที่สุด

3.เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน และระดับน้ำล้นตลิ่ง

บริเวณแม่น้ำสายหลัก และลำน้ำสาขาของคลองชะอวด คลองลำ คลองท่าแนะ แม่น้ำสายบุรี แม่น้ำปัตตานี แม่น้ำบางนรา แม่น้ำโก-ลก และคลองตันหยงมัส

ในการนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโปรดดำเนินการ ดังนี้

1.ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ

2.ปรับการบริหารจัดการน้ำในแหล่งเก็บกักน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก น้ำในลำน้ำ รวมถึงเขื่อนระบายน้ำและประตูระบายน้ำ ให้สอดคล้องกันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และอิทธิพลของการขึ้น-ลงของน้ำทะเล โดยการเร่งระบายและพร่องน้ำรองรับสถานการณ์ฝนที่คาดว่าจะตกหนัก

3.เตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก พร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ รวมถึงประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนล่วงหน้า ให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมในการอพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์ เพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือได้ทันที