วันที่ 31 สิงหาคม 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำ โดยได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตรวจสถานการณ์น้ำบริเวณบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ แม่น้ำน่าน แม่น้ำเจ้าพระยา และเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท
นายภูมิธรรม เวชยชัย เปิดเผยภายหลังการตรวจสถานการณ์น้ำว่า ได้มีการลงพื้นที่และมีการจัดระบบก่อนหน้านี้แล้ว หลังจากเหตุการณ์อุทกภัยที่ จ.สุโขทัย ซึ่งพบว่า น้ำท่วมมีลักษณะเป็นน้ำหลาก ไหลลงมาแล้วกระจายตัว สร้างความเสียหายแก่ประชาชนในภาคเหนือ จึงสั่งการให้ทุกฝ่ายเร่งระบายน้ำลงสู่แม่น้ำโขง
ซึ่งจุดที่พบปัญหา คือ น้ำที่ไหลมาจากเเม่น้ำยม เพราะไม่มีเขื่อนกักกันน้ำ หรือพร่องน้ำได้ สุโขทัยเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำอยู่แล้ว จึงรองรับน้ำทั้งหมด จึงได้ประชุมหารือที่ศาลากลางจังหวัดสุโขทัย ย้ำถึงการแก้ไขป้องกันโดยสั่งการ สทนช. ให้ทลายสิ่งที่กีดขวางทางเดินน้ำออกให้การระบายน้ำไหลได้สะดวก อาทิ รื้อถอนรางรถไฟเดิมที่เป็นจุดขวางน้ำ เพื่อให้น้ำที่ท่วมขังมีทางระบายได้รวดเร็ว
ทั้งนี้ ยังได้มอบถุงยังชีพให้ประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย เบื้องต้นได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด และกระทรวงพาณิชย์ดูแลการเยียวยาสิ่งของ ขอให้จังหวัดใช้นักศึกษาอาชีวะ เทคนิค เข้ามาช่วยกันแก้ไขปัญหาสิ่งของ/สถานที่ที่เสียหาย พังทลาย
โดยจังหวัดต้องทำหน้าที่บูรณาการทุกฝ่ายจะเข้ามาร่วมแก้ไขปัญหา เป็นโมเดลที่ได้ใช้เยียวยาปัญหาน้ำใน 4 จังหวัดภาคเหนือที่เกิดอุทกภัย
นอกจากนี้ กรณีมีกระแสข่าวลือว่าจะเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมเหมือนปี 2554 ซึ่งตนมั่นใจจะไม่เกิดดังกล่าว เนื่องจากมีระบบกระจายน้ำที่กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ช่วยกัน ทำให้น้ำที่จะมาถึงเขื่อนเจ้าพระยา ถูกกระจายไปส่วนต่าง ๆ
และจากการตรวจสอบข้อมูลเชิงวิชาการจากกรมอุตุนิยมวิทยา ที่มีความแม่นยำ คาดว่า สามารถรองรับน้ำได้ จากปริมาณน้ำในเขื่อนแต่ละแห่งมีน้ำอยู่ 1 /4 หรือ 1/2 ของเขื่อน ขอประชาชนอย่าวิตกกังวลและให้เชื่อมั่นหน่วยงานราชการที่พร้อมจะร่วมมือกันแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน