กรมชลประทานเร่งระบายน้ำท่วมหนองคาย พร้อมเฝ้าระวังระดับน้ำโขง จ.นครพนม

กรมชลประทาน อัพเดตสถานการณ์แม่น้ำโขงภาคอีสาน โดยในภาพรวมจังหวัดหนองคายน้ำเริ่มลด เช่นเดียวกับที่จังหวัดบึงกาฬ ขณะที่จังหวัดนครพนม ยังได้รับผลกระทบจากระดับน้ำโขงที่เพิ่งสูง ทั้งนี้ยังคงต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 1-2 วันนี้ ที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศว่า พายุซูลิกจะกระทบกับประเทศไทยทำให้ไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ทั้งนี้สามารถตรวจสอบสถานการณ์น้ำโขงได้ดังนี้

สถานการณ์แม่น้ำโขง จ.หนองคาย 

• ระดับน้ำเริ่มลดลงแล้ว กรมชลประทาน ได้ระดมเครื่องสูบน้ำรวม 59 เครื่อง เร่งระบายน้ำท่วมขังออกจากในพื้นที่ชุมชน รวมถึงเร่งระบายน้ำตามลำน้ำสาขาต่าง ๆ ในพื้นที่ จ.หนองคาย ออกสู่แม่น้ำโขง เพื่อลดผลกระทบประชาชนจนกว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ  ส่วนระดับน้ำโขงที่ไหลผ่านจังหวัดหนองคาย ที่สถานีวัดน้ำ Kh.1 อ.เมืองหนองคาย ล่าสุดวันนี้ (19 ก.ย. 67) เวลา 13.00 น. ระดับน้ำอยู่ที่ 11.21 เมตร ต่ำกว่าตลิ่งแล้ว 39 เซนติเมตร

 
สถานการณ์แม่น้ำโขงจ.บึงกาฬ 

• ระดับน้ำโขงลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยที่สถานีวัดน้ำ Kh.100 อ.เมืองบึงกาฬ วัดได้ 12.89 ม. ซึ่งต่ำกว่าตลิ่ง 1.11 เมตร ส่วนพื้นที่ที่ยังมีน้ำท่วมขังอยู่ บริเวณ อ.ปากคาด กรมชลประทานได้เร่งสูบน้ำที่ประตูระบายน้ำห้วยคาดลงสู่แม่น้ำโขง 4 เครื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนพี่น้องประชาชน ซึ่งสามารถระบายน้ำได้ประมาณวันละ 1.03 ล้านลูกบาศก์เมตร 

สถานการณ์แม่น้ำโขง จ.นครพนม 

• ได้รับผลกระทบจากแม่น้ำโขงแล้ว ไม่เพียงกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำ แต่ยังส่งผลกระทบต่อลำน้ำอูนและลำน้ำสงครามด้วย ทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตร  ปัจจุบันกรมชลประทานได้ทำการเปิดบานระบายน้ำที่ ปตร.น้ำอูนแล้ว แต่การระบายน้ำยังไม่สามารถทำได้ดีนัก เนื่องจากระดับน้ำโขงยังคงสูงอยู่

ขณะที่สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำต่างๆในภาคอีสาน มีรายละเอียดดังนี้

สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำชี

• จังหวัดชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด และยโสธร ยังอยู่ในสภาวะปกติ กรมชลประทาน  ได้ทำการแขวนบานประตูระบายน้ำในแม่น้ำชี เพื่อพร่องน้ำในลำน้ำไว้รองรับปริมาณฝนที่ตกในช่วงนี้ 

สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำมูล

• จังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อยู่ในสภาวะปกติทั้งลำน้ำ และมีแนวโน้มลดลง  โดยที่สถานีวัดน้ำแม่น้ำมูล(M7) สะพานเสรีประชาธิปไตย อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี  มีปริมาณน้ำไหลผ่านประมาณ  1,215  ลบ.ม./วินาที  ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 2.20 เมตร กรมชลประทาน  ได้เสริมกำแพงปิดช่องว่างริมตลิ่ง เพื่อเพิ่มความจุในลำน้ำจากเดิม 2,300 ลบ.ม./วินาที เป็น 3,200 ลบ.ม./วินาที  ช่วยรองรับปริมาณน้ำได้มากขึ้น 

นอกจากนี้ ยังได้ทำการพร่องน้ำในเขื่อนราษีไศล และเขื่อนหัวนาให้มากที่สุด โดยไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชน พร้อมแขวนบานประตูระบายน้ำที่เขื่อนปากมูล เพื่อเร่งระบายน้ำลงสู่แม่น้ำโขงให้เร็วที่สุด