วันนี้ (7 ตุลาคม 2567) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือเรื่องความปลอดภัยทางถนน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยที่ประชุมเห็นชอบการดำเนินการของกระทรวงคมนาคมที่ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม เพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหายกระดับรถโดยสารสาธารณะอย่างเร่งด่วนภายใน 15 วัน
ทั้งนี้ที่ประชุมยังมอบหมายให้กรมการขนส่งทางบก เรียกตรวจสอบสภาพรถโดยสารสาธารณะที่ติดตั้งแก๊ส NGV ซึ่งจากข้อมูลมีทั้งหมด 13,426 คัน ประกอบด้วย
ทั้งนี้หากพบสภาพไม่พร้อมใช้งาน ให้สั่งห้ามการนำรถออกใช้งาน แต่หากพร้อมใช้งานให้ออกหนังสือรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยการตรวจสอบต้องตรวจสอบอย่างละเอียด และคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ
สำหรับการประชุมครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่งคงของมนุษย์ พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข พร้อมด้วยตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้นายกฯ ยังขอให้ทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงศึกษาธิการ บังคับใช้กฎหมายเพื่อให้เกิดความปลอดภัยทางถนน รวมทั้งกฎหมายหลายฉบับที่ไม่ทันสมัย ต้องพูดคุยหารือเพื่อปรับแก้กฎหมาย หรือข้อบังคับใช้ต่าง ๆ ให้เข้ากับยุคสมัยด้วย
อย่างไรก็ตามในการประชุมได้มีข้อเสนอเกี่ยวกับ “รถบัส“ ว่าควรมีการแนะนำเหมือนการโดยสารบนเครื่องบินว่าทางออกไปทางไหน การใช้อุปกรณ์นั้นมีความปลอดภัยต่าง ๆ อย่างไร โดยในโซเชียลมีเดียก็มีการนำเสนอเรื่องการแนะนำประตูทางออกฉุกเฉินที่ค่อนข้างดี จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลองศึกษาและดูตัวอย่างที่ประชาชนเสนอแนะมา ถือเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์
นอกจากนี้ นายกฯ ยังมอบหมายให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกัน โดยเฉพาะโครงการร่วมกับทางสหประชาชาติ หรือ UN Special Envoy for Road Safety ที่จะเข้ามาทำกิจกรรมร่วมกันในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2567 นี้ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ทั่วโลกได้เห็นถึงการคมนาคม การใช้รถใช้ถนน และระบบความปลอดภัยต่าง ๆ โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน ก่อนจัดประชุมเชิงปฏิบัติการความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนกับภาครัฐ เพื่อรับทราบปัญหาที่แท้จริงต่อไป