วันนี้ (7ต.ค.67) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำผ่านระบบ Video Conference ไปยังสำนักงานชลประทานที่ 1 - 17 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำแหล่งน้ำและแม่น้ำสายหลักต่างๆ โดยมีการยืนยันว่าน้ำจะไม่ท่วมกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยอ้างอิงจากข้อมูล 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยและการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา
นายเอกภาพ พลซื่อ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฝ่ายการเมือง) ดร.ธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา ระบุว่า สถานการณ์น้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 19,650 ล้านลบ.ม. (79% ของความจุอ่างฯรวมกัน) ยังสามารถรองรับน้ำได้รวมกันอีกกว่า 5,221 ล้านลบ.ม.
กระทรวงเกษตรฯโดยกรมชลประทานจึงได้บริหารจัดการน้ำที่ไหลมาจากทางตอนบนด้วยการเก็บกักน้ำไว้ในอ่างเก็บน้ำให้ได้มากที่สุดพร้อมบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ตอนกลางด้วยการหน่วงน้ำไว้ในพื้นที่ลุ่มต่ำและแก้มลิงธรรมชาติ
ส่วนปริมาณน้ำที่เหลือจะไหลลงสู่ลุ่มเจ้าพระยาที่สถานีวัดระดับน้ำ C.2 อ.เมืองจ.นครสวรรค์ คาดการณ์ว่าในช่วง 1 - 7 วันข้างหน้าที่สถานีวัดน้ำ C.2 จ.นครสวรรค์จะมีปริมาณน้ำไหลผ่านประมาณ 2,200 - 2,500 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยายกตัวสูงขึ้นตามไปด้วย
ซึ่งกรมชลประทานได้บริหารจัดการน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาตามศักยภาพของคลองและสอดคล้องกับปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่พร้อมควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาทให้อยู่ในอัตราไม่เกิน 2,400 ลบ.ม./วินาที ในช่วงนี้ เพื่อลดผลกระทบพื้นที่ด้านท้ายเขื่อนให้ได้มากที่สุดซึ่งการระบายน้ำในอัตราดังกล่าวจะส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น
ในขณะที่พื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างที่สถานีวัดน้ำ อ.บางไทรจ.พระนครศรีอยุธยา มีปริมาณน้ำไหลผ่านเฉลี่ย 1,990 ลบ.ม/วินาทีหรือคิดเป็น 70% ของความจุลำน้ำ
“ซึ่งปริมาณน้ำดังกล่าวยังไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล แต่อาจจะมีผลกระทบกับประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำหรือในพื้นที่ที่มีระดับตลิ่งต่ำในช่วงที่มีน้ำทะเลหนุนสูง”
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลที่อยู่ในแนวคันกั้นน้ำกรมชลประทานได้ติดตามสถานการณ์น้ำฝนจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด พร้อมเตรียมรับมือสถานการณ์น้ำด้วยการพร่องน้ำในคลองสาขาต่างๆตลอดจนบูรณาการร่วมกับกรุงเทพมหานครในการบริหารจัดการน้ำในจุดที่เชื่อมต่อกันให้สอดคล้องกับสถานการณ์ฝนและปริมาณน้ำในพื้นที่เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนและพื้นที่เศรษฐกิจให้ได้มากที่สุด
สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน. เปิดเผยข้อมูล ปริมาณน้ำในอ่างขนาดใหญ่ วันที่ 7 ต.ค. 67 ระบุว่า