วันที่ 8 ตุลาคม 2567 กรมชลประทานรายงานสถานการณ์น้ำในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา พบว่าปริมาณน้ำจากทางเหนือยังคงไหลเข้าสู่แม่น้ำเจ้าพระยาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เขื่อนเจ้าพระยาต้องเร่งระบายน้ำเพื่อรับมือสถานการณ์ โดยเขื่อนเจ้าพระยาจะควบคุมการระบายน้ำในอัตรา 2,199 ลบ.ม./วินาที
ณ เวลา 07.00 น. สถานี C2 อำเภอเมืองนครสวรรค์ รายงานปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,326 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยมีแนวโน้มลดลง ระดับน้ำลดลงจากวันก่อน 8 เซนติเมตร แต่ยังคงต่ำกว่าระดับตลิ่ง 2.07 เมตร
ที่สถานี C13 เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,199 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทรงตัวจากวันก่อน ระดับน้ำท้ายเขื่อนต่ำกว่าตลิ่ง 1.24 เมตร ทั้งนี้ เขื่อนเจ้าพระยายังคงต้องระบายน้ำในอัตราดังกล่าวเพื่อรองรับปริมาณน้ำจากทางเหนือที่ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
การระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยาส่งผลให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อน บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาและพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ มีระดับน้ำเริ่มทรงตัว โดยพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังได้แก่:
1. คลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง
2. คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
3. แม่น้ำน้อยบริเวณตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา และตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
4. วัดสิงห์ อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี
5. อำเภอเมืองและอำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี
6. วัดไชโย อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง
กรมชลประทานแจ้งว่า หากระดับน้ำทางตอนบนเพิ่มสูงขึ้น อาจส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น ทางหน่วยงานจะแจ้งให้ประชาชนทราบเป็นระยะๆ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้น