6 บอส “ดิไอคอนกรุ๊ป” ตกเป็น “ผู้ต้องหา” คาดวันนี้ผู้เสียหายทะลุพันราย

14 ต.ค. 2567 | 05:25 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ต.ค. 2567 | 05:28 น.

เปิดรายชื่อ 6 บอส ตกเป็น "ผู้ต้องหา" ตามกฎหมาย "พอล-แซม-กันต์-มิน-เอก-ปีเตอร์" ตัวเลขผู้เสียหายล่าสุดทะลุ 800 ราย มูลค่าเฉียด 300 ล้านบาท คาดวันนี้ทะลุ 1,000 ราย

ความเสียหายกรณีบริษัท “ดิไอคอนกรุ๊ป” (The iCon Group) โดย “บอสพอล” หรือ วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและความงาม ถูกกล่าวหาว่าการดำเนินธุรกิจอาจเข้าข่ายการหลอกลงทุนในลักษณะแชร์ลูกโซ่

ผ่านไป 5 วัน พบมีผู้เสียหายรวมตัวกันนำหลักฐานการร่วมลงทุนมายื่นเรื่องต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วกว่า 800 คน มูลค่าความเสียหายเฉียด  300 ล้านบาท และคาดว่าในวันนี้ (14 ต.ค.2567) จะมีผู้เสียหายเข้าร้องเรียนมากกว่า 1,000 คน

6 บอส “ดิไอคอนกรุ๊ป” ตกเป็น “ผู้ต้องหา” คาดวันนี้ผู้เสียหายทะลุพันราย

ขณะที่ในช่วงเย็นวันที่ 13 ต.ค. 2567 พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วย พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป.  แถลงความคืบหน้าคดี “THE iCON GROUP” โดยพล.ต.ต. ระบุว่า โดยสถานะของทั้ง 6 คน ได้แก่ บอสพอล, แซม, มิน, กันต์, บอสเอก และ บอสปีเตอร์ ตกเป็นผู้ต้องหาแล้ว เนื่องจากมีผู้เสียหายเข้ามาร้องทุกข์กล่าวโทษ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหา

“ตอนนี้ต้องดูในภาพรวมทั้งหมด ซึ่งคำให้การของผู้ต้องหาทั้ง 6 คนที่ให้การ เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาและเป็นความลับในสำนวน และการสอบสวนส่วนใหญ่บอกว่าจะชี้แจงเพิ่มเติม และขอให้การเพิ่มเติมเป็นเอกสารด้วย”

ด้าน พล.ต.ต.มนตรี อธิบายเพิ่มเติมว่า เมื่อผู้ต้องหาปรากฏต่อหน้า พนักงานสอบสวนตำรวจก็มีสิทธิ์ที่จะสอบปากคำ ในฐานะผู้ต้องหาที่ถูกแจ้งความเอาผิด ตอนนี้ทั้ง 6 คน อยู่ในฐานะผู้ต้องหา ถูกกล่าวหาจากการร้องทุกข์การกล่าวโทษ

6 บอส “ดิไอคอนกรุ๊ป” ตกเป็น “ผู้ต้องหา” คาดวันนี้ผู้เสียหายทะลุพันราย

สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ก็อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานของผู้กล่าวหา คือสอบปากคำผู้เสียหาย แล้วจึงพิจารณาว่าเข้าข่ายความผิดฐานใด โดยต้องพิจารณาร่วมกับพยานหลักฐานข้อมูลในคอมพิวเตอร์ ต้องนำมาประกอบการจนได้ข้อยุติ

“อยู่ในขั้นตอนที่รวบรวมพยานหลักฐาน เมื่อรวบรวมแล้วมีหลักฐานมั่นคงแน่นอนตาม 134 วรรคสองก็ดำเนินการขั้นตอนต่อไปว่าจะพิจารณาออกหมายจับอะไรต่อไป”

อย่างไรก็ดี หลังจากที่ "ดิไอคอนกรุ๊ป" ได้ขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ทั้งในสปป.ลาว ตามด้วยกัมพูชา เมียนมา และญี่ปุ่น โดยใช้โมเดลธุรกิจ “การตลาดแบบตรง” เช่นเดียวกัน และพบว่า มีดีลเลอร์ในต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น ที่พบว่าไม่สามารถขายสินค้าได้ และยังได้ส่วนแบ่งไม่เป็นไปตามที่ตกลงไว้ 

ขณะที่สปป.ลาว ที่พบว่ามีการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ และกัมพูชา เริ่มทยอยออกมาร้องทุกข์ถึงปัญหาที่ได้รับผลกระทบจากการขายสินค้าไม่ได้ และเข้าข่ายถูกหลอกลวงเช่นกัน

ล่าสุดพบว่า มีคนไทยในหลายประเทศ เช่น จีน เริ่มออกมาเปิดเผยว่า ถูกหลอกให้เป็นตัวแทนจำหน่าย เป็นแม่ข่ายของดิไอคอนกรุ๊ป และนำสินค้าไปขาย ซึ่งไม่สามารถขายได้และได้รับผลกระทบสร้างความเสียหายเป็นหลักล้านบาทด้วย