เป็นประเด็นร้อนแรงต่อเนื่อง สำหรับกรณีบริษัท “ดิไอคอนกรุ๊ป” (The iCon Group) โดย “บอสพอล” หรือ วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและความงาม ถูกกล่าวหาว่าการดำเนินธุรกิจอาจเข้าข่ายการหลอกลงทุนในลักษณะแชร์ลูกโซ่
โดยมีผู้เสียหายรวมตัวกันนำหลักฐานการร่วมลงทุนมายื่นเรื่องต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วกว่า 500 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท ขณะที่กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าบริษัทแห่งนี้เข้าข่ายความผิดหรือไม่
ล่าสุดพบว่า "ดิไอคอนกรุ๊ป" ไม่ได้ทำตลาดเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น ยังพบว่า มีการเข้าไปทำตลาดในหลายประเทศ โดยเริ่มเปิดตัวบริษัทตั้งแต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา ทั้งในสปป.ลาว ตามด้วยกัมพูชา เมียนมา และญี่ปุ่น โดยใช้โมเดลธุรกิจ “การตลาดแบบตรง” เช่นเดียวกัน
โดยในโลกโซเชียล ได้มีการแชร์คลิป การจัดงานเปิดตัวธุรกิจ “ดิไอคอนกรุ๊ป” อย่างยิ่งใหญ่ ในประเทศสปป.ลาว โดยมีบอสพอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ซีอีโอ พร้อมเหล่าศิลปินดารา ที่เป็น “บอส” และพรีเซนเตอร์ชาวไทยเข้าร่วมงาน และร่วมโปรโมทบริษัทและสินค้าภายในงาน ร่วมกับ “บอส” ในสปป.ลาว และศิลปิน ดารา นักแสดง เซเลบริตี้ ของสปป.ลาว และสมาชิกรวมกว่า 1,000 คน
นอกจากนี้ยังมีการแชร์คลิป โปรโมทจาก “บอส” ดารานักแสดงของไทยในโลกโซเชียลของ “กัมพูชา” และ "เมียนมา" พร้อมเชิญชวนให้สมัครเป็นตัวแทนจำหน่ายด้วยผลตอบแทนสูง ทั้งจากการหาสมาชิกเพิ่มและยอดขายจากการจำหน่ายสินค้า
ซึ่งล่าสุดพบว่า มีผู้เสียหายในสปป.ลาว เมียนมา และกัมพูชา ออกมาแสดงตัวแล้ว ว่าได้รับผลกระทบจากระบบการขายตรงของดิไอคอนกรุ๊ป ด้วย
ขณะที่มีผู้เสียหายจากดิไอคอนกรุ๊ป ในประเทศญี่ปุ่น ได้ออกมานำเสนอข้อมูลผ่านเพจดังรายหนึ่ง โดยระบุว่า แม่ทีมที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่นก็โดนหลอกเหมือนกัน แม่ทีมพูดตามที่บริษัทให้พูด ว่าเขาจะมาเปิดสาขาที่ญี่ปุ่นนะ เขาต้องการหาพาร์ทเนอร์ที่ร่วมลงทุนกับเขา ต้องการแค่ 10 คน เขามีระบบดีมาก เราอยู่ญี่ปุ่นก็สามารถขายสินค้าได้ทั่วโลก
ถ้าเราขายไม่เก่งก็ไม่ต้องขาย บริษัทมีระบบให้เรียบร้อยแล้ว เขาจะมีเว็บขายสินค้าให้ ถ้าลูกค้าสั่งสินค้าผ่านเว็บ บริษัทก็จะจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าแทนเรา เราก็จะได้กำไรโดยไม่ต้องขาย ไม่ต้องส่ง
แถมมีโปรฯ เซรั่ม บอกว่าถ้าสมัครดีลเลอร์จะได้ส่วนแบ่งกำไรจากยอดขายเซรั่มขวดละ 2 บาท จากยอดตั้งแต่เปิดตัวเซรั่ม ซึ่งตอนที่เขาบิวท์ให้เปิดดีลเลอร์เขาบอก เนี่ยตอนนี้เพิ่งเปิดตัว 2 เดือนกว่า ยอดเป็นล้านแล้ว ส่วนแบ่งกำไรเป็นแสนเลยนะ เก็บไว้เป็นมรดกของลูกเลย แค่ส่วนแบ่งกำไรก็คุ้มแล้ว
แต่พอสมัคร ส่วนแบ่งกำไรคือขวดละ 2 บาทจากยอดขายทั้งหมด หาร ตัวแทนที่เป็นดีลเลอร์ไนเดือนนั้นทั้งหมด จากที่บอกขายดีมาก เปิด 2 เดือนกว่ายอดก็ทะลุล้าน พอผ่านเดือนนั้นไป (มิถุนายน 66) ยอดขายเซรั่มไม่กระเตื้องเลย เพราะเดือนถัดๆไป เป็นโปรสินค้าตัวอื่น เซรั่มก็จะไม่ถูกเปิดเป็นดีลเลอร์ นั่นหมายความว่า ที่มันขายได้ เพราะตัวแทนเปิดดีลเลอร์
และผลกำไรจากเซรั่มที่เขาบอกจะให้ เขาจะจ่ายส่วนแบ่งตัดที่เดือน ธันวาคม 66 และโอนเงินส่วนแบ่งมาให้เดือนมกราคม 67 ดีลเลอร์ทุกคนที่ขายสินค้าไม่ได้ ก็หวังส่วนแบ่งกำไรตรงนี้มาก บางคนคิดว่าจะได้หลักแสน แต่พอเข้าใจอะไรๆหลายๆอย่างก็เข่าทรุดกัน หวังแค่ว่าได้สัก 1 หมื่นก็ยังดี แต่สุดท้ายได้คนละ 4 พันกว่าบาท และไม่ได้อะไรอีกเลยจากบริษัท
อย่างไรก็ดี คงต้องจับตามองต่อไปว่า จะมีผู้เสียหายในต่างประเทศออกมาร้องเรียนเพิ่มเติมอีกมากน้อยแค่ไหน