ปปง. สั่งอายัดทรัพย์ “บอสพอล” พร้อมพวก พ่วง “กันต์ กันตถาวร”

15 ต.ค. 2567 | 12:41 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ต.ค. 2567 | 12:57 น.

ปปง.สั่งอายัดทรัพย์ "บอสพอล" -"กันต์ กันตถาวร”พร้อมพวกและบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป กว่า 11 รายการ รวมราคาประเมิน 125 ล้านบาท ด้านตำรวจเผย สอบปากคำผู้เสียหายไปแล้ว 900 คน มูลค่าความเสียหาย 400 ล้านบาท

วันที่ 15 ตุลาคม 2567 สำนักงานปปง.ได้แถลงผลการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินกรณีบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวก โดยทางปปง.ระบุว่าได้รับรายงานจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค รายบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวก ซึ่งมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 

 

ผลจากการตรวจสอบรายงานและข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมในกรณีดังกล่าว มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าอาจมีการโอน ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในกรณีดังกล่าวและกรณีมีความจำเป็น เร่งด่วน ดังนั้นเลขาธิการ ปปง. จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 48 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ออกคำสั่งที่ ย. 214/ 2567 ให้อายัดทรัพย์สินของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด 

  • นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล 
  • นายณิชพน ทองมี 
  • นางสาวฐิตตญา หงษ์อุปถุมภ์ไชย 
  • นายกันต์ กันตถาวร 
     

โดยทรัพย์สินดังกล่าว เป็นทรัพย์สินประเภทเงินในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ เงินในบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน เงินในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ และเงินในบัญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและสินทรัพย์ดิจิทัล จำนวน 11 รายการ รวมราคาประเมินทั้งสิ้นประมาณ 125,548,076.99 บาท พร้อมดอกผลไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน

ทั้งนี้ สำนักงาน ปปง. ขอแจ้งเตือนว่าทรัพย์สินอื่นที่อยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินนั้น

 

หากผู้ใดโอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้นหรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะหรือหลังการกระทำความผิด มิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลงในความผิดมูลฐาน หรือกระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มาแหล่งที่ตั้ง การจำหน่าย การโอน การได้สิทธิใด ๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือมีการได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สิน โดยรู้ในขณะที่ได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สินนั้นว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด

 

ย่อมมีความผิดฐานฟอกเงิน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ        
 

ด้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำโดยพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. และพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. .พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าคดี “ดิไอคอน กรุ๊ป”

 

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ กล่าวว่า ขณะนี้มีการสอบปากคำผู้เสียหายไปแล้วกว่า 900 คน รวมมูลค่าความเสียหายอยู่ที่ 400 ล้านบาท และมีการระดมพนักงานสอบสวนกว่า 100 คน เข้ามาทยอยสอบปากคำผู้เสียหาย ส่วนเรื่องการตรวจค้นบริษัท มีการตรวจยึดพยานหลักฐานมาตรวจสอบ ซึ่งได้มีการส่งหนังสือไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) โดยทาง ปปง. จะมีการนำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการทำธุรกรรมในวันที่ 17 ตุลาคม นี้


ตำรวยประชุมติดตามความคืบหน้าคดี “ดิไอคอน กรุ๊ป”

กรณีการขอศาลออกหมายเรียกหรือหมายจับนั้น อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานอย่างรอบคอบ รัดกุม และถึงแม้ว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาได้มีการมาชี้แจง แสดงตัวตน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ถูกออกหมายจับหรือหมายเรียก ซึ่งพนักงานสอบสวนได้มีการสอบปากคำไว้ในฐานะผู้ที่ถูกกล่าวหาไว้แล้วทั้งหมด



ทั้งนี้กรณีมีข้อสงสัย ต้องการแจ้งเบาะแส ปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับกรณีหลอกลวงขายทองรูปพรรณ ของ น.ส.กรกนก-นายกานต์พล และ กรณีการขายตรงของบริษัท “ดิไอคอนกรุ๊ป” สามารถโทรสอบถามได้ที่ สายด่วน 1599 
.