เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๗ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศสํานักงานสถิติแห่งชาติ เรื่อง รายละเอียดเกี่ยวกับวิธีดําเนินการในการสํารวจสถานการณ์การสูบบุหรี่ และการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ของประชากร พ.ศ. ๒๕๖๗
ด้วยสํานักงานสถิติแห่งชาติ จะดําเนินการสํารวจสถานการณ์การสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่ม ที่มีแอลกอฮอล์ของประชากร พ.ศ. ๒๕๖๗ เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์การสูบบุหรี่ และการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ของประชากรในปัจจุบัน เพื่อใช้ในการติดตามประเมินผล แผนปฏิบัติการด้านการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับชาติ ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๕ - ๒๕๗๐) และแผนปฏิบัติการด้านการควบคุมยาสูบแห่งชาติ ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๕ - ๒๕๗๐) รวมทั้ง ใช้ประกอบการตัดสินใจของผู้บริหาร และผู้กําหนดนโยบายด้านสุขภาพ ในการป้องกันและส่งเสริม สุขภาพของประชากรอย่างมีประสิทธิภาพ
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติสถิติ พ.ศ. ๒๕๕๐ และกฎกระทรวง การสํารวจตัวอย่างการสูบบุหรี่และการดื่มสุราของประชากร พ.ศ. ๒๕๕๘ จึงประกาศรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีดําเนินการในการสํารวจสถานการณ์การสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ของประชากร พ.ศ. ๒๕๖๗ ดังต่อไปนี้
๑. วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล
เก็บรวบรวมข้อมูลโดยวิธีส่งพนักงานเจ้าหน้าที่ของสํานักงานสถิติแห่งชาติ ออกไปทําการสัมภาษณ์สมาชิกในครัวเรือนส่วนบุคคล โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์พกพาขนาดกลาง (Tablet)ในการบันทึกข้อมูล
๒. รายละเอียดของแบบสอบถามและวิธีการบันทึกแบบสอบถาม
รายละเอียดปรากฏตามแบบ “สํารวจสถานการณ์การสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่ม ที่มีแอลกอฮอล์ของประชากร พ.ศ. ๒๕๖๗
๓. ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล
พนักงานเจ้าหน้าที่จะออกสัมภาษณ์สมาชิกในครัวเรือน ตามคุ้มรวม ในวันที่ ๑ - ๑๒ ของเดือนตุลาคม - ธันวาคม ๒๕๖๗ ซึ่งผนวกกับแบบสํารวจภาวะการทํางานของประชากรในไตรมาส ที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๖๗
๔. ข้อมูลอื่น ๆ ที่ประชาชนควรทราบ
๔.๑ ข้อมูลที่ได้จากการสํารวจสถานการณ์การสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ของประชากร พ.ศ. ๒๕๖๗ จะไม่เกี่ยวข้องกับการเรียกเก็บภาษีใด ๆ สํานักงานสถิติแห่งชาติ จะไม่เปิดเผยข้อมูลเป็นรายบุคคล โดยจะนําเสนอผลข้อมูลเป็นภาพรวมและจะนําไปใช้ในการจัดทํา สถิติวิเคราะห์ หรือวิจัยเท่านั้น
๔.๒ บุคคลซึ่งมีหน้าที่จะต้องให้ข้อมูลตามประกาศฉบับนี้ หมายถึง สมาชิกของครัวเรือนส่วนบุคคลที่อาศัยอยู่ในเขตเทศบาลและนอกเขตเทศบาลทุกจังหวัดทั่วประเทศที่ตกเป็นครัวเรือนตัวอย่าง
๔.๓ พระราชบัญญัติสถิติ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๑๘ กําหนดให้เป็นหน้าที่ของบุคคลที่จะต้องให้ข้อมูลตามวิธีการที่กําหนดในประกาศนี้ ผู้ใดไม่ให้ข้อมูล หรือไม่กรอกแบบสอบถาม ตามวิธีการที่กําหนดในประกาศนี้ หรือไม่ส่งคืนแบบสอบถามที่ได้กรอกรายการแล้ว แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ ภายในระยะเวลาที่กําหนดในประกาศนี้
หรือไม่ให้ความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ในการเข้าไปในอาคารหรือที่ทําการของบุคคล ซึ่งจะต้องให้ข้อมูลหรือกรอกแบบสอบถาม ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาอื่นใดที่บุคคล ซึ่งจะต้องให้ข้อมูลได้แจ้งให้ทราบ เพื่อสอบถามข้อมูลหรือดําเนินการกรอกแบบสอบถาม หรือเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามพันบาท
๔.๔ บุคคลซึ่งมีหน้าที่จะต้องให้ข้อมูลตาม ๔.๒ ที่จงใจให้ข้อมูลเป็นเท็จ ต้องระวางโทษ จําคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ทั้งนี้ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ตามความเป็นจริง
๔.๕ สํานักงานสถิติแห่งชาติ จะดําเนินการตามมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่ได้จากการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างเคร่งครัด ตามพระราชบัญญัติสถิติ พ.ศ. ๒๕๕๐ ประกอบ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อเป็นหลักประกันมิให้เกิดความเสียหาย แก่ผู้ซึ่งต้องให้ข้อมูล
โดยจะนําข้อมูลเฉพาะบุคคลหรือเฉพาะรายที่เจ้าของข้อมูลได้ให้ไว้หรือ กรอกแบบสอบถามไปใช้ในการจัดทําสถิติวิเคราะห์ หรือ วิจัยเท่านั้น หากพบว่า เจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน มีการฝ่าฝืนโดยนําข้อมูลเฉพาะบุคคลหรือเฉพาะรายไปเปิดเผยข้อมูลต่อบุคคลอื่น ซึ่งไม่มีหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ หรือมิใช่กรณีเปิดเผยเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวน หรือการพิจารณาคดี ที่ต้องหาว่ากระทําความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
หรือเปิดเผยต่อส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานอื่นของรัฐ เพื่อประโยชน์ในการจัดทําสถิติ วิเคราะห์ หรือวิจัย ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของข้อมูล และต้องไม่ระบุ หรือเปิดเผยถึงเจ้าของข้อมูล หน่วยงานจะดําเนินการทางอาญาต่อเจ้าหน้าที่ผู้ฝ่าฝืนทันที
๔.๖ พนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากผู้อํานวยการสํานักงานสถิติแห่งชาติ มีอํานาจตามพระราชบัญญัติสถิติ พ.ศ. ๒๕๕๐ ในการเข้าไปในอาคารหรือที่ทําการของบุคคล ซึ่งจะต้องให้ข้อมูล หรือกรอกแบบสอบถาม ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก หรือ ในเวลาอื่นใดที่บุคคลนั้นได้แจ้งให้ทราบเพื่อสอบถามข้อมูล หรือเป็นการกรอกแบบสอบถาม หรือ เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล
ในการนี้ บุคคลดังกล่าวต้องอํานวยความสะดวกแก่พนักงาน เจ้าหน้าที่ตามสมควร ทั้งนี้ พนักงานเจ้าหน้าที่จะต้องแสดงบัตรประจําตัวแก่ผู้ต้องให้ข้อมูล หรือผู้เกี่ยวข้องก่อนการสอบถามข้อมูลทุกครั้ง
คลิกดูเพิ่มเติมจากราชกิจจานุเบกษา