คุก! 2 ปี ‘ยงยุทธ’ เซ่นที่ดินบาป "อัลไพน์"

29 ส.ค. 2560 | 04:39 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ส.ค. 2560 | 12:03 น.
ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤมิชอบกลาง วันนี้เวลา 10.00 น. ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อท.38/2559 ที่ ปชช.เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และ อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นจำเลยในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา157

 

โดยคดีนี้ ป.ป.ช.ยื่นฟ้องว่านายยงยุทธจำเลยขณะดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทยซึ่งรักษาราชการแทนปลัดกระทรวงมหาดไทยได้ใช้อำนาจตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ ในการพิจารณาอุทธรณ์และสั่งเพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน โดยมีเจตนาช่วยเหลือ บริษัทอัลไพน์เรียลเอสเตท จำกัด, บริษัท กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด และผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินในเวลาต่อมา ให้ได้รับประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฏหมาย

 

ศาลพิเคราะห์ข้อเท็จจริงรับได้ว่า ก่อนนางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ถึงแก่ความตายได้ทำพินัยกรรมยกที่ดิน 2 แปลง ดังกล่าวให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหาร ต่อมานางเนื่ิอมถึงแก่ความตาย มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ในฐานะผู้จัดการมรดกของนามเนื่อม ได้โอนที่ดินดังกล่าวให้แก่มูลนิธิฯ และต่อมามูลนิธิฯ ได้ขายที่ดินนั้นให้กับบริษัทอัลไพน์เรียลเอสเตท จำกัด กับบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์สปอร์ตคลับ จำกัด ในราคา 142 ล้านบาท และในวันเดียวกัน บริษัททั้ง 2 ได้นำที่ดินดังกล่าวไปจดทะเบียนจำนองกับธนาคารจำนวน 220 ล้านบาท ต่อมากรมที่ดิน ก็มีคำสั่งให้อธิบดีกรมที่ดินเพิกถอนรายการจดทะเบียนโอนที่ดินดังกล่าวตลอดจนรายการจดทะเบียนต่างๆ เนื่องจากเห็นว่าเป็นการโอนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรวม 290 ราย ยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว กรมที่ดินยืนยันตามคำสั่งเดิม และเสนอเรื่องดังกล่าวต่อกระทรวงมหาดไทย จำเลยซึ่งขณะนั้น ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงมหาดไทย พิจารณาแล้วเห็นควรให้เพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน

S6066183-2

ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า พินัยกรรมของนางเนื่อมระบุชัดเจนว่า นางเนื่อมได้ยกกรรมสิทธิ์ในที่ดินทั้ง 2 แปลง ให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหาร เท่านั้น มิได้ยกกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวให้แก่มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัยแต่อย่างใด ทั้งภายหลังจากนางเนื่อมถึงแก่ความตาย วัดธรรมิการามวรวิหารได้นำที่ดินทั้ง 2 แปลง ไปขึ้นทะเบียนที่ดินศาสนสมบัติวัดร้างจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นที่ธรณีสงฆ์ และนำที่ดินทั้ง 2 แปลงให้บุคคลอื่นเช่าทำนา แสดงให้เห็นว่าวัดธรรมิการามวรวิหาร ได้เข้าครอบครองและรับเอาประโยชน์จากที่ดินทุกแปลงแล้ว ถือได้ว่าที่ดินของนางเนื่อมที่แสดงเจตนาไว้ในพินัยกรรมยกให้แก่วัด ตกเป็นที่ธรณีสงฆ์ทันทีที่นางเนื่อมถึงแก่ความตาย แม้จะยังไม่ได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์เป็นชื่อวัดก็ตาม อันสอดคล้องกับความเห็นของที่ประชุมใหญ่คณะกรรมการกฤษฎีกา ที่กรมที่ดินนำมาพิจารณาประกอบการทำคำสั่งเพิกถอนรายการจดทะเบียนโอนที่ดิน คำสั่งอธิบดีกรมที่ดินจึงเป็นคำสั่งที่ถูกต้อง การที่จำเลยพิจารณาอุทธรณ์ และมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน โดยจงใจละเลยข้อเท็จจริงต่างๆ ข้างต้น และยังจงใจตีความกฎหมายให้ผิดเพี้ยนไปจากความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2482 ที่ระบุให้กระทรวงถือปฏิบัติตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ดังนั้นคำสั่งของจำเลยจึงเป็นการใช้ดุลยพินิจโดยไม่ชอบ ถือเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายแก่ผู้อื่น และก่อให้เกิดความเสียหายแก่วัดธรรมิการามวรวิหาร ทั้งยังทำลายศรัทธาของผู้ที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เช่นนางเนื่อม จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง พิพากษาจำคุก 2 ปี

 

โดยในวันนี้นายยงยุทธ เดินทางมาศาลพร้อมผู้ติดตามจำนวนมากที่ร่วมเข้าฟังภายในห้องพิจารณาคดี ซึ่งภายหลังศาลอ่านคำพิพากาษาลงโทษจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญานายยงยุทธ มีดวงตาแดงกำ ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเรื่องเงินหลักทรัพย์ในการยื่นประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ แต่นายยงยุทธ ปฏิเสธการตอบคำถาม ขณะนี้ศาลอยู่ระหว่างการพิจารณาหลักทรัพย์ของจำเลยในการยี่นขอประกันเพื่อต่อสู้คดีชั้นอุทธรณ์

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้สืบเนื่องจากกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย (อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย) ต่อศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 157 สืบเนื่องจากที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด กรณีเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินให้ยกเลิกโฉนดที่ดินที่จดทะเบียนในนาม ‘สนามกอล์ฟอัลไพน์’ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยมิชอบ

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ 6-3 เสียง ชี้มูลความผิดนายยงยุทธ กรณีมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินให้ยกเลิกโฉนดที่ดินที่จดทะเบียนในนาม ‘สนามกอล์ฟอัลไพน์’ ที่แบ่งแยกจากโฉนดที่ดิน 2 แปลง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยเห็นว่า มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา

4991259eb

สำหรับต้นเหตุของคดีนี้ สืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยกเหตุอันควรสงสัยกล่าวหานายเสนาะ เทียนทอง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมช.มหาดไทย พร้อมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดิน จ.ปทุมธานี สาขาธัญบุรี ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต กรณีจดทะเบียนโอนมรดก และโอนขายที่ธรณีสงฆ์ของวัดธรรมิการามวรวิหารโดยมิชอบ จำนวน 732 ไร่ และละเว้นไม่ดำเนินการเพิกถอนรายการจดทะเบียนโอนที่ดิน

 

โดยเมื่อปี 2553 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายเสนาะไปแล้ว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 148 แต่ความผิดตามมาตรา 157 ขาดอายุความตั้งแต่ปี 2548 จึงส่งแค่ผิดตามมาตรา 148 ให้อัยการสูงสุด (อสส.) ดำเนินการต่อไป ต่อมา อสส. ส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อย่างไรก็ดีท้ายสุดศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษายกฟ้อง