ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง "แทน เทือกสุบรรณ" และพวกรวม 4 คน คดีบุกรุกที่ป่าเขาแพง เผย หลักฐานไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะชี้ว่าทั้ง 4 คนมีความผิด
วันนี้ (2 ต.ค. 2561) ศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทรณ์ คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทย์ยื่นฟ้อง นายพรชัย ฟ้าทวีพร ผจก.ห้างหุ้นส่วนเรืองปัญญาคอนสตรัคชั่น จำเลยที่ 1 , นายสามารถ หรือ โกเข็ก เรืองศรี หุ้นส่วน หจก.เรืองปัญญาคอนสตรัคชั่น และนายหน้าขายที่ดิน จำเลยที่ 2 , นายแทน เทือกสุบรรณ บุตรชายของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. จำเลยที่ 3 และนายบรรเจิด เหล่าปิยะสกุล อดีตเลขานุการส่วนตัวของนายสุเทพ จำเลยที่ 4 ความผิดฐานร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถางป่า หรือ เผาป่า หรือ กระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือ เข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองและผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ก่อสร้าง หรือ เผาป่า ในที่ดินของรัฐโดยมิได้มีสิทธิครอบครอง หรือ ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ตามกฎหมายที่ดิน และ พ.ร.บ.ป่าไม้
จากกรณีปี 2543-2544 จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ทำลาย แผ่วถางป่าเขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 31 ไร่ 2 งาน 97 ตร.วา
ส่วนนายแทนและนายบรรเจิด จำเลยที่ 3-4 ร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ทำลาย แผ่วถางป่าเขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 14 ไร่ ด้วยการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้ง 4 กระทำผิดจริง จำคุกนายพงษ์ชัยและนายสามารถ จำเลยที่ 1-2 คนละ 5 ปี ฐานห้ามมิให้ผู้ใด ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือ เผาป่า หรือ กระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือ เข้ายึดถือ หรือ ครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น เว้นแต่จะกระทำภายในเขตที่ได้จำแนกไว้ฯ ซึ่งกระทำนั้นได้ทำเกินเนื้อที่ 25 ไร่ อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ ฯ มาตรา 54 วรรคหนึ่ง , 72 ตรีวรรคสอง
ส่วนนายแทนและนายบรรเจิด จำเลยที่ 3-4 จำคุกคนละ 3 ปี ฐานเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ก่อสร้าง และผู้ใด ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือ เผาป่า หรือ กระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือ เข้ายึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น เว้นแต่จะกระทำภายในเขตที่ได้จำแนกไว้ฯ อันเป็นความผิด ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 (1) , 108 ทวิ และ พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ มาตรา 54 วรรคหนึ่ง , 72 ตรี วรรคหนึ่ง ให้ลงโทษความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักสุด ซึ่งจำเลยทั้ง 4 ได้ยื่นประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ ศาลอนุญาตโดยตีราคาประกัน และกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
ซึ่งจำเลยทั้งหมดได้รับการประกันตัวเพื่ออุทธรณ์คดี และวันนี้จำเลยทั้ง 4 คน เดินทางมาที่ศาล ด้วยสีหน้าปกติ พร้อมทนายความ
ล่าสุด ศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษา เห็นว่า คำฟ้องจำเลยที่ 1-2 คือ นายพรชัยและนายสามารถ คำบรรยายฟ้องไม่ชัดเจน ส่วนจำเลยที่ 3-4 คือ นายแทนและนายบรรเจิด พยานหลักฐานที่ยกมามีข้อสงสัยตามสมควรว่า ที่ดินป่า ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ หรือไม่
หลักฐานจึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะชี้ว่า ทั้ง 4 คน มีความผิด ตามที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 ฟ้อง จึงมีคำพิพากษาแก้ คำพิพากษาศาลชั้นต้น ยกฟ้องจำเลยทั้ง 4 คน
หลังรับฟังคำตัดสิน จำเลยทั้ง 4 คน เดินทางกลับทันทีโดยไม่ให้สัมภาษณ์ใด ๆ