ดร.ไกรเสริม โตทับเที่ยง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส เปิดเผยว่า ตลอดช่วงก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัสโคโรน่า หรือ โควิด-19 และช่วง โควิด-19 ตนเองได้ใช้เวลานอกเหนือจากการทำงานบริหารที่กระทรวงแล้ว ยังได้ลงพื้นที่ ทุ่งครุ และ ราษฏร์บูรณะ มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเยี่ยมเยียน รับฟังปัญหา เพื่อนำมาแก้ไข และมอบถุงยังชีพ ข้าวสารอาหารแห้ง และของใช้จำเป็นแบ่งปัน เพื่อส่งต่อความสุขให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่
“ล่าสุด ผมได้ลงพื้นที่พร้อมทั้งภรรยาและลูกๆ ทั้ง 4 คนของผม เพื่อให้กำลังใจ และมอบถุงข้าวของจำเป็นแทนน้ำใจและแบ่งปันให้กับพี่น้องในชุมชุนทั้ง 2 เขตดังกล่าว”
ดร.ไกรเสริม กล่าวว่า ไม่ว่าสถานการณ์การเมืองจะเกิดกระแสเปลี่ยนแปลงอย่างไร ตนเองก็ขอตั้งใจทำงานในพื้นที่ที่ตนเองได้ลงสมัครรับเลือกตั้งให้ดีที่สุด และจะไม่หยุดเดินเข้าหาพี่น้องในพื้นที่ทุ่งครุ และราษฏร์บูรณะ อย่างแน่นอน
“การที่ผมมาลงการเมืองนั้น เพราะตั้งแต่แรกผมมีความตั้งใจและต้องการเข้ามาเพื่อทำงาน แม้ผมจะไม่ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือส.ส. แต่ผมเห็นว่า การทำงานกับภาคประชาชน ถือเป็นเรื่องที่ผมให้ความสําคัญมาก เพราะ จะทำให้ผมได้รับทราบปัญหา และความต้องการที่แท้จริงของพี่น้องประชาชน และพี่น้องในพื้นที่ทุ่งครุ และราษฏร์บูรณะ”
ดร.ไกรเสริม กล่าวอีกว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ ได้พาครอบครัวมาลงพื้นที่ด้วยกัน เพราะเชื่อว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด
“ถ้าเราทำให้เห็น ลูกๆ ผมที่กำลังเติบโตมาจะเข้าใจ และยังมีส่วนช่วยสร้างนิสัยการให้ และให้ลูกได้เรียนรู้และรู้จักการแบ่งปันให้แก่ผู้อื่น และให้เขาเห็นภาพว่า การสร้างโอกาส และการให้ความสําคัญกับความเสมอภาคเท่าเทียมในสังคม ทำให้เขาโตขึ้นมา จะทำให้เขามีจิตสาธารณะในการช่วยเหลือสังคมต่อไป” ดร.ไกรเสริม ระบุ
ด้าน นางปวิตา โตทับเที่ยง ภริยา ดร.ไกรเสริม เปิดเผยว่าการที่ตนเอง และลูกๆ ได้มาร่วมลงพื้นที่ เพื่อต้องการมาร่วมให้กำลังใจ ร่วมแบ่งปันความสุข และแบ่งปันถุงยังชีพ และสิ่งของจำเป็นให้แก่พี่น้องชาวทุ่งครุ และราษฎร์บูรณะ ทั้งยังได้รับทราบถึงปัญหาและความต้องการของพี่น้องประชาชน
“ยังสอนให้เด็กๆ ได้เรียนรู้เรื่องการทำงานด้านจิตอาสา ซึ่งเด็กๆ มีความสุขที่ได้แบ่งปันสิ่งของและได้เห็นรอยยิ้มที่มีความสุขของพี่น้องทุกคนในพื้นที่ ถือเป็นสิ่งที่ดี ที่จะช่วยให้เขาเติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพและรักในการให้”นางปวิตา กล่าว
ขณะที่ เด็กหญิงจิรสิตาโตทับเที่ยง บุตรสาว กล่าวว่า แม้การลงพื้นที่กับคุณพ่อจะรู้สึกเหนื่อยและร้อนก็ตาม แต่ทำให้ประสบการณ์ในครั้งนี้ถือว่ายิ่งใหญ่ และไม่สามารถเรียนรู้ได้ในห้องเรียน เพราะเป็นสังคมนอกห้องเรียน ที่ให้ความรู้จริง และได้สัมผัสชีวิตที่แท้จริงของคนในพื้นที่
“สิ่งที่จิตาสัมผัสได้ คือรอยยิ้มที่จริงใจที่ทุกคนมอบให้ หนูจะไม่ลืมภาพเหล่านี้ และจะนำเนื้อหานอกห้องเรียนครั้งนี้ ไปแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ บทเรียนส่วนนี้ให้คุณค่ากับหนูมาก ซึ่งเป็นงานจิตอาสาในพื้นที่ ที่ทุกคนสามารถทำได้” ด.ญ.จิรสิตา กล่าว