วันนี้ (26 เม.ย.) ที่ห้องพิจารณา 703 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาฎีกา คดีแกนนำ นปช.ชุมนุมปิดล้อมบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เมื่อปี 2550 หมายเลขดำ อ.3531/2552 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง นายนพรุจ หรือ นพรุฒ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006, นายวีระศักดิ์ เหมะธุลิน, นายวันชัย นาพุทธา, นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.), นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช., นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท และ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. เป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ
ภายหลังศาลอาญาได้เลื่อนนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ตั้งแต่ช่วงเดือนเม.ย.2563 ที่ผ่านมา เนื่องจากอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งเป็นไปตามประกาศคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม เรื่องการบริหารจัดการคดีภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และประกาศคำแนะนำของประธานศาลฎีกา เกี่ยวกับแนวปฏิบัติในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ให้ผู้รับผิดชอบราชการศาลใช้ดุลพินิจพิจารณาเลื่อนคดี ที่นัดในช่วงเวลาตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินระหว่างวันที่ 1-30 เม.ย. 2563
รวมแล้วคดีนี้เลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกามาแล้วถึง 4 ครั้ง ครั้งแรกศาลอาญานัดเมื่อวันที่ 31 ก.ค. 2562 แต่ นายวีระกานต์ จำเลยที่ 4 ป่วย ศาลจึงเลื่อนนัดมานัดครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2562 ปรากฏว่า ที่จำเลยที่ 4-7 ขอกลับคำให้การเดิมจากปฏิเสธสู้คดี เป็นขอรับสารภาพผิด ศาลอาญาจึงต้องส่งคำพิพากษากลับไปให้ศาลฎีกาพิจารณาใหม่ ก่อนศาลอาญาจะนัดอ่านคำพิพากษาฎีกาครั้งที่ 3 วันที่ 6 ก.พ. 2563 มีเหตุเลื่อนอ่านคำพิพากษาฎีกา เพราะนายนพรุจ จำเลยที่ 1 ย้ายที่อยู่ไม่สามารถส่งหมายนัดให้นายนพรุจได้ และวันที่ 30 เม.ย.2563 เหตุเนื่องจากอยู่ในช่วงเวลาสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาาายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
สำหรับคดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2558 ให้จำคุก นายนพรุจ จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 2 ปี 8 เดือน ฐานทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่ฯ ส่วน นายวีระกานต์, นายณัฐวุฒิ, นายวิภูแถลง และ นพ.เหวง จำเลยที่ 4-7 คนละ 4 ปี 4 เดือน ฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายฯ และเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของ เจ้าพนักงานฯ และให้ยกฟ้องนายวีระศักดิ์ และ นายวันชัย จำเลยที่ 2-3 ริบของกลาง
ต่อมาวันที่ 10 ม.ค. 2560 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า พวกจำเลยมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานฯ ตามมาตรา 138 วรรคสอง ให้จำคุกคนละ 1 ปี และมีความผิดฐานมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อให้เกิดความวุ่นวายโดยเป็นหัวหน้าสั่งการ ซึ่งเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก ตามมาตรา 215 วรรคหนึ่งและวรรคสาม, มาตรา 216 ประกอบมาตรา 83 ซึ่งเป็นการกระทำกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 215 วรรคสาม เพียงกรรมเดียว จำคุกคนละ 3 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 4-7 คนละ 4 ปี คำให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีอยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 4-7 คนละ 2 ปี 8 เดือน ส่วน นายนพรุจ จำเลยที่ 1 จำคุก 2 ปี 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2-3
ต้องรอดูว่าในเวลา 10.00 น.วันนี้ศาลจะสามารถอ่านคำพิพากษาฎีกาถึงที่สุด คดี แกนนำนปช.บุกบ้านสี่เสาเทเวศร์ได้หรือไม่ หรือจะมีเหตุจำเป็นให้ต้องเลื่อนอีกครั้ง
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า เช้านี้ตนจะเดินทางไปให้กำลังใจพี่น้องคนเสื้อแดง
"ตนเองได้แต่ให้กำลังใจ และให้ยอมรับในสิ่งที่จะเกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมาทั้งแกนนำเสื้อเหลือง เสื้อแดง ก็สลับกันเข้าออกเรือนจำมาโดยตลอด ที่เป็นห่วงก็มีแต่เรื่องสุขภาพของผู้อาวุโสแต่ละราย อย่างนายวีระกานต์ก็ อายุ 72 ปีแล้ว มีปัญหาสุขภาพหลายอย่าง หมอเหวงก็อายุจะ 70 ปีแล้ว เป็นโรคบ้านหมุน"
ส่วนกรณีที่จำเลยขอกลับคำให้การ เดิมจากที่ปฏิเสธสู้คดี มาเป็นขอรับสารภาพผิดนั้นจะมีส่วนลดโทษได้มากน้อยขนาดไหนนั้น นายจตุพร บอกว่าไม่สามารถไปก้าวล่วงการตัดสินของศาลได้ ถ้าศาลตัดสินเช่นไร เราก็ต้องยอมรับ