วันนี้(14 พ.ย. 67) พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ กรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Aek Angsananont (พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์) ว่า แนวทางตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) เกี่ยวกับการคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ระดับนายพล คือ
1.การคัดเลือกหรือแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้นในตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. ถึง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้พิจารณาจากบัญชีรายชื่อตามที่ได้จัดเรียงตามลำดับอาวุโส (มาตรา 82 (1)) และตำแหน่ง ผบช. ถึง ผบก. ให้พิจารณาจากบัญชีรายชื่อตามที่ได้จัดเรียงตามลำดับอาวุโสไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ตาม(มาตรา 82 (2))
ส่วนจำนวนตำแหน่งว่างที่เหลืออีกร้อยละ 50 ให้พิจารณาโดยคำนึงถึงอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกัน (มาตรา 82 (4) และมาตรา 82 วรรคสอง)
ในการนี้เคยมีกรณีที่มีผู้ร้องทุกข์ และก.พ.ค.ตร.ได้วินิจฉัยว่าผู้ที่จะได้รับแต่งตั้งหากมีอาวุโสต่ำกว่าต้องมีความรู้ความสามารถ ประวัติรับราชการ มีผลการปฏิบัติงานโดดเด่นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรมมีหลักฐานเชิงประจักษ์มากกว่าผู้ที่มีอาวุโสมากกว่าในแต่ละคนนั้นๆ อย่างไร (ตามคำวินิจฉัยของ ก.พ.ค.ตร. เรื่องดำที่ รท. 48 / 2566 เรื่องแดงที่ รท. 240 / 2567และเรื่องดำที่ รท.49/ 2566 เรื่องแดงที่ รท. 209 / 2567)
2.การแต่งตั้ง “ตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.” ให้ผบ.ตร.คัดเลือกเสนอ ก.ตร.ให้ความเห็นชอบแล้ว ให้นายกฯ นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง (มาตรา 78 (2))
3. การแต่งตั้ง “ตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร.และผบช.” ต้องคัดเลือกรายชื่อผู้ที่อยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นทุกคนในภาพรวม ตามที่คณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ระดับตร. ซึ่งประกอบด้วย ผบ.ตร. จตช. รองผบ.ตร.ทุกคนและผู้แทน สง.ก.พ.เสนอแนะ (มาตรา 78 (3))
คณะกรรมการฯ ดังกล่าวมีหน้าที่พิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติและความเหมาะสมในการคัดเลือก(มาตรา 81(1)(ก)) และตามคำวินิจฉัยของก.พ.ค.ตร.เรื่องดำที่ รท.48/ 2566 เรื่องแดงที่ รท.240 / 2567 )
4.การแต่งตั้ง “ตำแหน่งรอง ผบช. และ ผบก.” พ.ร.บ.ตำรวจ 2565 บัญญัติให้ดำเนินการในรูปแบบคณะกรรมการ 2 ขั้นตอน
ขั้นตอนที่ 1 ให้ผบช.เสนอโดยนำข้อมูลการเสนอการแต่งตั้ง ที่ได้จากการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับบช. ซึ่งประกอบด้วยหัวหน้าหน่วยงาน(ผบช.) และรองหัวหน้าหน่วยงาน (รองผบช. ) ของแต่ละบช.นั้น ที่กำหนดในข้อกำหนด ก.ตร. ข้อ 37 (ที่บังคับใช้อยู่ในขณะนั้น)
ขั้นตอนที่ 2 ผบ.ตร.นำข้อมูลผู้ที่อยู่ในเกณฑ์ได้รับเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นทุกคนในภาพรวม เสนอให้คณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งระดับ ตร. (มาตรา 78 (3)และมาตรา 81 (1)(ก)) พิจารณาตรวจสอบความถูกต้องและความเหมาะสมแล้ว เสนอแนะต่อ ผบ.ตร.และให้ผบ.ตร.คัดเลือกรายชื่อข้าราชการตำรวจตามที่คณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับตร.เสนอแนะ
โดยต้องนำข้อมูลการเสนอแต่งตั้งของหัวหน้าส่วนราชการระดับบช.ที่มีการพิจารณาเสนอในรูปคณะกรรมการตามขั้นตอนที่ 1. มาประกอบการพิจารณาด้วย
หากมีความเห็นต่างจากข้อมูลการเสนอแต่งตั้งของหัวหน้าส่วนราชการให้ชี้แจงต่อคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งระดับตร. ก่อนเสนอ ก.ตร.พิจารณาให้ความเห็นชอบ(ตามคำวินิจฉัยของ ก.พ.ค.ตร.เรื่องดำที่ รท.48/ 2566 เรื่องแดงที่ รท. 240 / 2567)
5.ในกรณีที่มีการร้องทุกข์เรื่องการแต่งตั้ง ตามมาตรา 87 ที่ผ่านมา ก.พ.ค.ตร. จะแสวงหาข้อเท็จจริง โดยเรียกเอกสารและพิจารณาจากคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา และรายงานการประชุมของคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเป็นหลัก รวมทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องในการประชุม(ตามแนวคำวินิจฉัยของ ก.พ.ค.ตร.เรื่องดำที่ รท. 48 / 2566 เรื่องแดงที่ รท. 240 / 2567 และเรื่องดำที่ รท.49 / 2566 เรื่องแดงที่ รท.209 / 257)
6.หากในที่ประชุม ก.ตร. ไม่เห็นด้วย ซึ่งอาจทำให้ ผบ.ตร.พิจารณาเปลี่ยนแปลงรายชื่อตัวบุคคล จากที่คณะกรรมการแต่งตั้งระดับ ตร.พิจารณาเสนอไว้แล้ว จะต้องย้อนนำเสนอคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งระดับ ตร. และ บช. พิจารณาใหม่อีกครั้ง ซึ่งต้องพิจารณาในรูปของคณะกรรมการในระดับ ตร. และ บช. เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในมาตรา 78 (4) (ตามแนวคำวินิจฉัยของก.พ.ค.ตร.เรื่องดำที่ รท.49/ 2566 เรื่องแดงที่ รท.209 / 2567)
เว้นแต่ในการประชุมพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับตร.และบช.มีการพิจารณาและมีข้อมูลเสนอแนะไว้ครบถ้วนตามประเด็นที่พิจารณาครบทุกรายที่พร้อมให้หยิบยกขึ้นมาพิจารณาได้
7. อนึ่งนอกเหนือจากการวางแนวทางการแต่งตั้งตามคำวินิจฉัย ของ ก.พ.ค.ตร.ดังกล่าว ยังพบว่า มีข้อสังเกตเพิ่มเติมของ ก.พ.ค.ตร.บางท่านไว้ในความเห็นแย้งประกอบคำวินิจฉัย โดยเห็นว่า
“การที่ผู้บังคับบัญชาไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ในการแต่งตั้งตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย เป็นกรณีที่ให้ถือว่าผู้บังคับบัญชากระทำผิดวินัย และให้ผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจพิจารณาลงโทษภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยของ ก.พ.ค.ตร. โดยไม่ต้องดำเนินการสอบสวนอีก ตามนัยมาตรา 87 วรรคสี่ด้วย”