วันนี้ 7 ส.ค. 63 เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม “นายอานนท์ นำภา” ทนายความสิทธิมนุษยชน และนายภาณุพงศ์ จาดนอก 2 แกนนำกลุ่มเยาวชนปลดแอก ในความผิดฐาน ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง, ร่วมกันโฆษณาใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันกีดขวางการจราจร ฯลฯ โดย ทนายอานนท์ ได้ถูกส่งตัวไป ที่ สน.บางเขน
จากนั้น เฟซบุ๊กของ กลุ่มเยาวชนปลดแอก FreeYOUTH ได้โพสต์ข้อความว่า ด่วน!! ร่วมกดดัน ชุมนุมหน้าสน.บางเขนเวลานี้เป็นต้นไป หลังจากตอนนี้มีผู้ถูกจับจากการชุมนุมวันที่ 18 กรกฎาคมอย่างน้อย 3 คนแล้ว!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ราชกิจจาฯ ประกาศ ต่อพรก.ฉุกเฉิน - ใช้กฎหมายชุมนุมสาธารณะ คุมม็อบแทน
ม็อบนักศึกษา คดี ‘บอส อยู่วิทยา’ มรสุม‘รัฐบาลลุงตู่’
โพล ชี้ปชช.มอง "ม็อบเยาวชนปลดแอก" เป็นสิทธิเสรีภาพ แนะนายกฯรับฟังปัญหา
“แรมโบ้”ย้ำนายกฯไม่เคยคุกคามนักศึกษา
“เยาวชนปลดแอก” อารยะขัดขืน "เพนกวิน" ลั่นโดนหมายจับ แต่ไม่มอบตัว
จะต้องไม่มีเยาวชนหรือประชาชนคนไหนถูกจับเพียงเพราะพูดความจริง อย่าปล่อยให้เราสู้เพียงลำพัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับกรณีนี้ เมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลอาญาอนุมัติหมายจับ นายอานนท์ นําภา โดยเนื้อหาระบุว่า ซึ่งต้องหาว่ากระทําผิดฐาน ร่วมกันกระทําให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทํา ภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้าง กระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร
เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กําลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กําลังประทุษร้าย หรือกระทําการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิด การวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทําความผิด ร่วมกันจัดให้มีกิจกรรมซึ่งมี ผู้เข้าร่วมเป็นจํานวนมากในลักษณะมั่วสุมกันหรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันง่าย ชุมนุมทํากิจกรรมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ ใน สถานที่แออัด หรือกระทําการดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย หรือในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค
กระทําการหรือดําเนินการใดๆ ซึ่งอาจก่อสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคแพร่ระบาด ออกไป ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ร่วมกันกีดขวางทางสาธารณะ จนอาจเป็นอุปสรรคต่อ ความปลอดภัยหรือความสะดวกในการจราจร โดยวางหรือทอดทิ้งสิ่งของหรือโดยกระทําด้วยประการอื่นใด ร่วมกันวาง ตั้ง ยืน หรือแขวนสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือกระทําด้วยประการใดๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจร. ร่วมกันตั้ง วาง หรือกองวัตถุใดๆ บนถนน ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกําลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
กรณีมีหลักฐานตามสมควรว่า นายอานนท์ นําภา ได้หรือน่าจะได้กระทําความผิดอาญาซึ่งมีอัตราโทษจําคุกอย่างสูงเกินสามปี
ขณะที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ออกจดหมายชี้แจงสื่อมวลชน ถึงกรณีการจับกุม 2 นักกิจกรรม โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ด้วยเมื่อวันที่ 18 ก.ค.63 กลุ่มแกนนำกิจกรรมได้ดำเนินการจัดกิจกรรมร่วมกับกลุ่มบุคคลเพื่อเรียกร้องในประเด็นต่างๆ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ซึ่งการจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นการกระทำผิดกฎหมายอาญาและยังเป็นการฝ่าฝืน พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2558 จึงได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สน.สำราญราษฎร์ บช.น. จึงตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปตามกรอบกฎหมาย บริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้
จากการรวบรวมพยานหลักฐานและการพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานตามสมควรว่ากลุ่มแกนนำจากกิจกรรมดังกล่าวได้กระทำความผิดอาญาและเป็นกรณีที่จะขออนุมัติศาลออกหมายจับได้ และในวันนี้ (7 ส.ค.63) เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้จับกุมตัวแกนนำจัดกิจกรรม จำนวน 2 ราย ดังต่อไปนี้
นายภาณุพงศ์ จาดนอก และ นายอานนท์ นำภา แกนนำจัดกิจกรรมเมื่อวันที่ 18 ก.ค.63 โดยเป็นการจับกุมตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 6 ส.ค.63 ในข้อหา
- ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชน เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนฯ
- ร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองฯ
- ร่วมกันจัดให้มีกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมจำนวนมากในลักษณะมั่วสุมหรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันง่าย หรือกระทำการดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย หรือในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคฯ
- ร่วมกันกีดขวางทางสาธารณะ จนอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัยหรือความสะดวกในการจราจรฯ
- ร่วมกันวาง ตั้ง ยื่นหรือแขวนสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือกระทำด้วยประการใด ๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจรฯ
- ร่วมกันตั้ง วาง หรือกองวัตถุใด ๆ บนถนนฯ
- ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ฯ
บช.น. ขอเรียนให้ทราบว่า การดำเนินคดีและการจับกุมแกนนำจัดกิจกรรมทั้ง 2 รายดังกล่าว เป็นการดำเนินการตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด โดยคำนึงถึงสิทธิขั้นพื้นฐานตามกฎหมายของผู้ถูกจับกุม ได้ให้แพทย์ตรวจร่างกายก่อนทำการสอบสวน
พนักงานสอบสวนได้แจ้งสิทธิตามกฎหมาย และจะปฏิบัติตามระเบียบการควบคุมตัว ตลอดจนการฝากขังต่อศาล