วันที่ 13 สิงหาคม 2563 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณารายงานศึกษาเรื่อง แนวทางการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ของคนในชาติ ตามที่คณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน ได้พิจารณาเสร็จแล้ว
นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวอภิปรายว่า การเสนอแนวทางการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ในเวลานี้ถือว่าถูกจังหวะ ก่อนที่จะความขัดแย้งใหม่เกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยเกิดความขัดแย้งใหญ่ๆขึ้นหลายต่อหลายครั้ง ที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติและชีวิตของคนในประเทศ รวมถึงระบบเศรษฐกิจมหาศาล และตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบัน ก็เกิดความแตกแยกทางความคิดของคนในสังคมมาอย่างยาวนาน แม้สถานการณ์ภายนอกอาจจะดูทุเลาลง แต่ยังมีความซึมลึกอยู่ในความคิด มีการแบ่งแยกของคนเสื้อเหลือง เสื้อแดง อย่างชัดเจน
นพ.ระวี กล่าวต่อว่า ในสถานการณ์ตอนนั้นได้มีการพูดคุยของแกนนำทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งตนก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย ทุกฝ่ายเห็นด้วยกับการออก พรบ.นิรโทษกรรมคดีทางการเมือง เพราะจะสามารถสร้างความสมานฉันท์ในบ้านเมืองได้ แต่มีข้อยกเว้นอยู่ 3 ข้อ คือ 1.ยกเว้นคดีตามมาตรา 112 2.ยกเว้นคดีอาญาโดยเนื้อแท้ เช่น การยิงประชาชน , ทหาร,ตำรวจ เสียชีวิต และ 3.ไม่นิรโทษกรรมคดีคอร์รัปชั่น แต่สุดท้ายในตอนนั้นเรื่องนี้ก็ถูกตีตกไป
"ผมขอเสนอการนิรโทษกรรมในชื่อ พรบ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข ซึ่งผมเชื่อว่าการนิรโทษกรรมจะเป็นทางเดียวจะเป็นการแก้ไขความขัดแย้งในอดีตได้ดีที่สุด ส่วนความขัดแย้งในปัจจุบัน ทุกฝ่ายควรนำเอาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตมาศึกษาความขัดแย้ง ความเสียหายให้ดี อย่าให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรูปแบบเดิมอีก" นพ.ระวี กล่าว