นางสุจิตรา วิชยศึกษ์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินกลุ่มบริษัท บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC เปิดเผยถึง รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2563 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่าแม้ว่าภาพรวมกำไรสุทธิที่เป็นส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทในช่วงไตรมาส 2 ปี2563 เท่ากับ 306 ล้านบาท ลดลง 1,222 ล้านบาท หรือคิดเป็น 80% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
จากปัจจัยผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่หากไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจากค่าชดเชยให้กับพนักงานจากการปรับโครงสร้างองค์กร สุทธิจากภาษีเงินได้นิติบุคคลและผู้ถือหุ้นส่วนน้อย ตลอดจนค่าใช้จ่ายการเปลี่ยนแปลงการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงานหลังออกจากงาน สุทธิจากภาษีเงินได้นิติบุคคลและผู้ถือหุ้นส่วนน้อย ส่งผลให้กำไรสุทธิดังกล่าว อยู่ที่ 743 ล้านบาท ซึ่งถือว่าดีเกินความคาดหมายจากช่วงก่อนหน้านี้ที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ อยู่ที่ประมาณ 300 – 400 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมกลุ่มสินค้าและบริการทางบรรจุภัณฑ์ แม้ว่าได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่เริ่มเห็นการฟื้นตัวที่ดีของกลุ่มธุรกิจกระป๋องจากคำสั่งซื้อของลูกค้ารายใหม่ที่เพิ่มมากขึ้น และคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวดีและชัดเจนขึ้นในช่วงปีหลัง
นอกจากนี้ยังมีภาพรวมกลุ่มสินค้าและบริการทางอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ส่วนตัว เช่น สินค้าที่เกี่ยวกับการทำความสะอาด แอลกอฮอล์และเจลล้างมือ ที่ยังมียอดขายโดยรวมเติบโตดี ตลอดจนกลุ่มธุรกิจในเวียดนามที่ยังเติบโตต่อเนื่อง แม้ว่าการกักตุนสินค้าของผู้บริโภคลดลง
นอกจากนี้ ด้านค่าใช้จ่ายรวมในช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 อยู่ที่ 37,917 ล้านบาท ลดลง 4,573 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลมาจากปัจจัยต่างๆ โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลงจากการควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายต่างๆ ลดลงอย่างเห็นได้ชัด